ชวน หลีกภัย

จาก วิกิคำคม
ชวน หลีกภัย

ชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีประเทศไทย 2 สมัย

คำพูด[แก้ไข]

  • ผมคิดว่าคนไทยไม่ใช่น้อยที่ยังมีความสับสน มีความลังเล และมีความไม่แน่ใจในเหตุการณ์หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้น บางคน บางพวก บางกลุ่ม เชื่อคำบิดเบือนของคณะปฏิรูป บางกลุ่มเชื่อคำโกหกของวิทยุยานเกราะ ทำให้เกิดความเชื่อตามข้อกล่าวหาของกลุ่มเหล่านั้นว่าเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม เป็นไปดังที่เขากล่าวหา ผมคิดว่าท่านได้ฟังท่านหัวหน้าพรรค ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช พูดมาเมื่อสักครู่นี้ สิ่งหนึ่งที่ท่านไม่ได้พูดถึงและผมคิดว่าจะตอบคำถามของท่าน เหตุการณ์ 6 ตุลาคมเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดหมาย หรือเป็นแผนการชิงอำนาจที่เตรียมการมาล่วงหน้า ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ได้เข้าใจความจริงอันนี้ ข้อตำหนิต่าง ๆ ที่ท่านจะมีต่อพรรคประชาธิปัตย์นั้นจะได้คลี่คลายไป ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ผมไม่มีหลักฐานอะไรที่เป็นตัวเป็นตนมายืนยันกับท่านดีกว่าเอกสาร แต่ก่อนที่ผมจะอ่านเอกสารชิ้นนั้นซึ่งจะเป็นข้อพิสูจน์ให้ท่านเห็นว่าการปฏิรูปในวันที่ 6 ตุลาคมนั้น ได้มีการเตรียมตัวกันมาก่อนหรือเป็นอุบัติเหตุดังที่กลุ่มคณะปฏิรูปได้อ้างอยู่
  • พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีทางที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบอันเกิดขึ้นในวันนั้นได้ แต่สิ่งที่เราจะชี้แจงว่าความรับผิดชอบของเรานั้นเพียงใด และเราอยู่ในฐานะที่ป้องกันได้หรือไม่ นี่คือประเด็นสำคัญ ที่เราจะต้องกราบเรียนพี่น้องทั้งหลาย ผมคิดว่า ในช่วงที่รัฐบาลประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมซึ่งรักษาการเป็นรัฐบาลอยู่นั้น เรายังไม่เคยได้ยินคำว่าสภาปฏิรูป เรายังไม่ได้ยินคำว่าปฏิรูปในลักษณะของผู้ที่จะมาปกครองประเทศ แต่ความจริงถ้าพี่น้องทั้งหลายได้ย้อนกลับไปทบทวนเหตุการณ์ในวันนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใครติดตามอ่านหนังสือพิมพ์ก่อนหน้าวันที่ 6 ตุลาคม ท่านจะประจักษ์ความจริงว่า '''ได้มีการพูดถึงคำว่าปฏิรูปกันมาแล้ว''' ได้มีการคาดหมายบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว และคาดหมายบุคคลที่จะอยู่ในศาลฎีกาด้วย ผมคิดว่าเบื้องแรกที่ผมจะนำหลักฐานมาอ่านให้ท่านฟังมันไม่ใช่หลักฐานที่ปิดเป็นความลับ มันเป็นเอกสารชิ้นหนึ่งอยู่ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 3 ตุลาคม 2519 พี่น้อง'''อย่าลืมนะครับ 3 ตุลาคม 2519 ยังไม่มีการปฏิรูป''' ยังไม่เกิดเหตุนองเลือดในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันนั้นรัฐบาลชั่วคราวของพรรคประชาธิปัตย์ยังรักษาการอยู่ เพื่อรอการแถลงการณ์ในสภาในวันที่ 8 ตุลาคม 2519 แต่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ '''ฉบับวันที่ 3 ตุลาคม ในหน้า 4 ได้เขียนถึงการปฏิรูป''' ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ความลับในเรื่องการปฏิรูปนั้น ได้รั่วไหลกันมา พี่น้องลองฟังข้อความที่เขาเขียนถึง หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 3 ตุลาคม หน้าที่ 4 ในคอลัมน์ "ไต้ฝุ่น" เขียนโดยใช้นามแฝงว่า "ไต้ฝุ่น" ว่า '''"หากเมืองไทยจะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่อีก ทำนายทายทักกันได้ว่าจะไม่ใช่คนในสกุลปราโมชอีกแล้ว อาจจะเป็นหนึ่งในสามของคนวัยไม่เกิน 52 เล็งกันไว้จากสภาปฏิรูป ดร.เชาว์ ณ ศีลวันต์ เกษม จาติกวณิช หรือประภาศน์ อวยชัย คนนี้ซินแสดู โหงวเฮ้งแล้วบอกว่าฮ้อ "'''
  • การปฏิรูปนั้นได้มีการเตรียมกันมาแล้ว และข่าวนี้ ได้รั่วไหลมาสู่หนังสือพิมพ์ นักหนังสือพิมพ์บางคนถึงได้เขียนคำว่า สภาปฏิรูป และมีการคาดหมายว่า คนที่จะมาเป็นนายกนั้นเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา แต่เขาไม่ได้พูดถึงอาจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร เขาพูดถึงอาจารย์ประภาศน์ อวยชัย นี่หมายความว่าอย่างไร หมายความว่าเหตุการณ์ในวันที่ 6 ตุลาคมนั้น สภาปฏิรูปได้เตรียมการที่จะปฏิรูปแล้ว ได้มีการรวมกลุ่มกันแล้ว และความลับอันนี้ก็ได้รั่วไหลมาสู่ปากหูของหนังสือพิมพ์ จึงได้มีการเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา พี่น้องครับ แต่การที่รัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้ง อยู่ดี ๆ จะมีทหารกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นมาปฏิวัติหรือปฏิรูป ล้มล้างรัฐบาลที่มาจากประชาชน แล้วสถาปนาตัวเองขึ้นมามีอำนาจนั้น ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่าย ๆ อย่างน้อยที่สุดประชาชนผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เขาคงไม่พร้อมที่จะยอมรับการประพฤติปฏิบัติเช่นนั้น วิธีไหนละครับที่จะมีเหตุผลในการที่จะนำมาเป็นข้ออ้างในการปฏิรูปสถาบันอะไรในบ้านเมืองนี้ ที่หยิบยกขึ้นมาพูดแล้วจะกระทบกระเทือนความรู้สึกของประชาชนมี 3 เท่านั้น ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ผมคิดว่าผู้ที่เตรียมการปฏิรูปเขาหยั่งรู้หัวใจคนไทยออกว่าถ้ามีการแตะต้องสถาบันทั้งสามนี้ คนไทยส่วนใหญ่ในประเทศจะต้องไม่พอใจ เขาคาดเหตุการณ์ออก เพราะฉะนั้น แผนการที่เขาจะดำเนินการเพื่อล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งคือมีเหตุผลเพียงพอที่สามารถจูงใจคนไทยทั้งประเทศให้คล้อยตามได้ แน่นอนที่สุดการปฏิรูปวันนั้น ถ้าไม่มีเหตุผลเพียงพอ คนไทยคงไม่พร้อมที่จะรับ เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 6 ตุลาคมนั้น จึงจำเป็นต้องมีคนกลุ่มหนึ่งมาแสดงบทบาทเป็นผู้ที่จะต้องตาย ใครล่ะครับจะสมกับบทบาทนี้มากไปกว่านักศึกษาในธรรมศาสตร์
  • เขาจึงกำหนดให้นักศึกษาในธรรมศาสตร์ต้องตาย เพื่อให้เห็นว่าเกิดการนองเลือด รัฐบาลที่มาจากประชาชนนั้นไม่สามารถจะควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ คณะปฏิรูปเล็งเห็นถึงอันตรายต่อประเทศชาติ ต่อสถาบันทั้งสามของชาติ จำเป็นต้องยึดอำนาจ เขาคิดไว้ล่วงหน้าแล้ว เพราะฉะนั้นในเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคมนั้น จึงได้มีผู้ที่ล้มตายอย่างมากมาย และพี่น้องครับ ผมจะอ่านแถลงการณ์ของคณะปฏิรูปกล่าวออกมานั้นจริงหรือเท็จ คณะปฏิรูปบอกว่า "เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมได้ต่อสู้ด้วยนักศึกษา ต่อสู้ด้วยอาวุธร้ายแรงที่ใช้ในราชการสงคราม โดยร่วมมือกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ชาวเวียดนาม ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก" ประชาชนและตำรวจหรือว่านักศึกษาในธรรมศาสตร์ ใครครับที่มีอาวุธในราชการสงครามใช้ ผมคิดว่าคำแถลงการณ์อันนี้ เป็นการยืนยันให้พี่น้องทั้งหลายได้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า คณะปฏิรูปได้โกหกประชาชนทั้งประเทศ
  • ผมไม่ตำหนิประชาชนที่หลงเชื่อ'''คนไทยส่วนใหญ่ในขณะนั้นไม่มีโอกาสรู้อะไรเลย''' ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับวิทยุยานเกราะ แล้วแต่ว่าวิทยุยานเกราะจะบิดเบือนไปในทางใด ก่อนที่จะมีการเข้าไปเข่นฆ่านักศึกษาในธรรมศาสตร์นั้น เขาได้ประณามว่า นักศึกษาที่ชุมนุมประท้วงการกลับมาของจอมพลถนอมนั้นเป็นคอมมิวนิสต์ ในบ้านเมืองของเรานี้มีอะไรไหมครับ ที่น่ากลัวที่สุดในความรู้สึกของคนไทย "คอมมิวนิสต์" เขาหยิบจุดเหล่านี้ขึ้นมาอ้างและคนก็เชื่อ แม้กระทั่งถ้อยคำบิดเบือนของ ดร.อุทิศ ว่าคูระบายน้ำในธรรมศาสตร์ คือ อุโมงค์ ถ้าคนระดับ ดร.พูดแล้วยังไม่น่าเชื่อถือ แล้วคนระดับไหนมันเหนือกว่านี้ที่น่าจะเชื่อ คนไทยเป็นจำนวนมากแม้กระทั่งศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ยังเชื่อว่าธรรมศาสตร์มีอุโมงค์ เพราะคำบิดเบือนของ ดร.อุทิศ นาคสวัสดิ์ จึงไม่ใช่ของแปลก ไม่ใช่ของแปลกที่คนไทยเป็นจำนวนมาก หลงเชื่อคำบิดเบือนของคณะปฏิรูปและคำโกหกของพันโท อุทาน ที่ออกทางวิทยุยานเกราะ
  • คนไทยเหล่านั้นเคียดแค้นนักศึกษา เพราะเชื่อว่านักศึกษานั้นล่วงล้ำสถาบันกษัตริย์ ผมไม่แปลกใจที่มีการเข่นฆ่ากันอย่างทารุณในวันนั้น แต่ผมก็รู้ว่าคนที่มาเข่นฆ่านักศึกษาในวันนั้นไม่ใช่คนไทยธรรมดาสามัญ แต่เป็นคนกลุ่มหนึ่งที่ได้มอบหมายอาณัติมาจากผู้ที่เตรียมการปฏิรูป เหตุผลมันจะโยงต่อมาถึงการนิรโทษกรรม ผู้ต้องหา 18 คนในวันที่ 6 ตุลาคม ซึ่งผมจะกราบเรียนพี่น้องต่อไป แต่ผมอยากจะชี้ให้เห็นเบื้องต้นว่าการเตรียมแผนการ ในการปฏิรูปวันนั้น ได้วางแผนกันอย่างลึกซึ้ง และวางแผนกันอย่างที่ประชาชนคนไทยอ่านไม่ออก คนกลุ่มหนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อของเขาคือลูกเสือชาวบ้าน ถูกระดมมาเพื่อป้องกันราชบัลลังก์ โดยลูกเสือส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสรู้ได้ว่า ความจริงเป็นอย่างไร คนเหล่านั้นจึงเดินทางเข้ามาในกรุงเทพ มาชุมนุมกันที่หน้าพระรูปด้วยความเชื่อตามถ้อยคำวิทยุยานเกราะ พี่น้องครับลูกเสือชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเมื่อหมดหน้าที่แล้ว เขาถูกสั่งเดินทางกลับมาหน้าทำเนียบ เขาบอกว่าคุณจะกลับเส้นทางเดิมไม่ได้ นักศึกษาดักฆ่าพวกคุณอยู่ให้เดินมาหน้าทำเนียบ พอลูกเสือเหล่านั้นเดินมาถึงหน้าทำเนียบ เขาสกัดไว้ตรงประตูบอกว่าหยุดไว้แค่นั้นเขาเสนอเงื่อนไขว่า ให้ไล่ ร.ม.ต. 3 คนออก บังเอิญ ลูกเสือชาวบ้านในกลุ่มนั้นคนหนึ่งเป็นสะใภ้ของคนจังหวัดตรังเขาบอก ไหนบอกว่าให้เขาเดินกลับทางนี้เพราะกลับทางโน้นนักศึกษาจะฆ่าเขา แล้วมาถึงก็มายื่นเงื่อนไขให้ขับ ร.ม.ต.ประชาธิปัตย์ เขาขับได้อย่างไรในเมื่อ ร.ม.ต.คนหนึ่งเป็นคนบ้านเขา
  • เห็นไหมครับชั้นเชิงของผู้เตรียมการปฏิรูป เขาแน่แค่ไหน เขาเตรียมยิ่งกว่านั้น ทำอย่างไรจึงจะให้คนเชื่อว่า สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็น ร.ม.ต. ของพรรคประชาธิปัตย์นั้นเป็นคอมมิวนิสต์ ทำอย่างไรจะให้คนเชื่อ จะบอกเฉย ๆ ว่า นายชวน เป็นคอมมิวนิสต์ บางคนยังลังเลใจว่า เอ๊ะ....เป็นได้อย่างไร ถ้าเป็น คนจังหวัดตรังจะเลือกมาได้อย่างไร เขามีวิธีการที่เก่งซึ่งผมยอมรับ วิทยุยานเกราะบอกว่า ในประเทศไทยทุกจังหวัดมีลูกเสือชาวบ้านทุกจังหวัด ยกเว้นจังหวัดตรัง พี่น้องที่ฟังวิทยุยานเกราะวันนั้นคงจะจำได้ เหตุที่จังหวัดตรังไม่มีลูกเสือชาวบ้าน เพราะผู้แทนฯ ของจังหวัดนั้นเป็นคอมมิวนิสต์ คือผม คนหลายคนลังเลใจแม้กระทั่งคนในจังหวัดตรังที่เข้ามาทำมาหากินในกรุงเทพฯ ไม่แน่ใจว่าจริงหรือไม่ นับประสาอะไรกับคนในกรุงเทพฯ ซึ่งไม่เคยไปจังหวัดตรัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูกเสือชาวบ้าน ในกรุงเทพฯ เชื่อ.....เชื่อว่าจังหวัดตรังไม่มีลูกเสือชาวบ้าน แล้วก็เชื่อว่าเหตุที่ไม่มีเพราะผู้แทนจังหวัดนั้นเป็นคอมมิวนิสต์ คนเหล่านั้นจึงได้ร่วมมือกับวิทยุยานเกราะ เดินขบวนออกมาขับไล่ ร.ม.ต. ของพรรคประชาธิปัตย์ ขับไล่ผมด้วย นี่ครับ วิธีการของวิทยุยานเกราะ วิธีการของกลุ่มซึ่งเป็นเครื่องมือของคณะปฏิรูป และพี่น้องครับเขายังมีขั้นตอนที่ฉลาดยิ่งกว่านั้น เขาไปถามอาจารย์เสนีย์ว่าท่านจะขับรัฐมนตรี 3 คน ที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ออกไปได้ไหม หนึ่ง นายดำรง สอง นายสุรินทร์ สาม นายชวน อาจารย์เสนีย์บอกว่าผมจะขับเขาไปได้อย่างไรเขาก็เป็นผู้แทน พรรคเลือกเขามาเป็นรัฐมนตรี กลุ่มคนพวกนั้นบอกว่าคนเหล่านี้เป็นคอมมิวนิสต์ อาจารย์เสนีย์ถามว่า'''เขาเป็นคอมมิวนิสต์ได้อย่างไร เขาอยู่กับผมมาตั้งแต่ปี 2512 ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ถ้าเขาเป็นคอมมิวนิสต์ ผมต้องรู้ก่อนคนอื่น ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นคอมมิวนิสต์ ถ้าผมรู้ว่าเขาเป็นคอมมิวนิสต์... ถ้าเขาเป็นคอมมิวนิสต์จริงผมต้องรู้ก่อนคนอื่น เขาเอาเทปอันนี้แหละครับที่อาจารย์เสนีย์พูดไปตัดข้อความ เขาคิดถ้อยคำว่าอย่างนี้ครับ "เขาอยู่กับผมมาด้วยความซื่อสัตย์สุจริตตั้งแต่ปี 2512 ผมไม่ทราบว่าเขาเป็นคอมมิวนิสต์"''' เขาตัดคำว่าถ้าเขาเป็นคอมมิวนิสต์จริงผมต้องรู้ก่อนคนอื่น ตัดข้อความนี้ออกไปและเขาเติมข้อความว่า '''ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นคอมมิวนิสต์ กว่าจะรู้สายเสียแล้ว'''
  • นี่ครับวิธีการของเขา มันยิ่งไปกว่านั้นก็คือว่า การเตรียมแผนในวันนั้นเพื่อให้เกิดความสับสน กลุ่มแม่บ้านมีหลายท่านได้ไปเรียกร้องท่านนายกในวันที่ 6 ตุลาคม ขอให้ขับ ร.ม.ต. ด้วยเหตุผลอันเดียวกันบอกว่า ร.ม.ต. เหล่านี้เป็นคอมมิวนิสต์ กลุ่มแม่บ้านยังเก่งยิ่งกว่านั้น รู้กระทั่งว่าผมไปรับเงิน เค.จี.บี. ที่โรงแรมรอแยล แล้วเขารู้มากกว่านั้นว่า......ผมไปรับเงินที่ห้อง 207 โรงแรมรอแยล พี่น้องครับ ผมไม่ทราบว่าห้อง 207 มันอยู่ชั้นไหน เพราะผมไม่เคยไปอยู่ที่นั่นแต่ผมเข้าใจว่าคนที่กล่าวหาคงจะไปนอนกับพวก เค.จี.บี. กันมา เขาจึงได้รู้ลึกซึ้งว่าห้อง 207 อยู่ตรงไหน เค.จี.บี. อยู่ห้องไหน คนเหล่านี้บางคนสำนึกผิด และก็มาพูดกับผมในภายหลัง เช่นเดียวกับข้อความในหนังสือพิมพ์หลายฉบับที่ลงข้อความในขณะนั้นซึ่งผมได้ฟ้องหมิ่นประมาทไป แม้กระทั่งข้อความที่ท่าน อ.เสนีย์พูดว่า พรรคประชาธิปัตย์ใช้เงินราชการลับ 800,000 บาทจ่ายให้กับศูนย์นิสิต เพื่อก่อเหตุวุ่นวายทั่วประเทศ ซึ่งเมื่อผมฟ้องหนังสือพิมพ์แล้ว เขาก็ยอมรับอย่างหน้าชื่นว่า '''ข้อความที่ลงไปนั้นเป็นเท็จทั้งสิ้น แต่เขาต้องการลงเพราะเหตุว่ากลุ่มคนกลุ่มหนึ่งมาขอให้เขาลง''' น.ส.พ.บางฉบับมีความเป็นนักเลงยิ่งกว่านั้น บรรณาธิการที่ผมฟ้องเขาได้ยอมรับอย่างหน้าชื่นว่าคนของเขาที่เขียนลงไปนั้น รับเงินสี่หมื่นบาทและไปรับจากใครเขาบอกหมด ใครเป็นคนไปรับและรับครั้งแรกกี่หมื่น เขาบอกหมด และคำแถลงรับสารภาพของเขา ปรากฏอยู่ที่ศาลแขวงพระนครเหนือเวลานี้ ซึ่งคนที่มีความเป็นนักเลงอย่างนี้ผมก็ยินดีจับมือด้วยว่าเขาบอกความจริงรวมทั้ง น.ส.พ.ฉบับหนึ่ง ซึ่งบอกว่า ''"ชวน โผล่ที่เวียงจันทน์สวามิภักดิ์ลาวแดง"'' ผมนอนอ่านหนังสือพิมพ์ในกรุงเทพฯ ครับ ผมถามเขาต่อมาในภายหลัง เขาบอกว่า ''ข่าวนี้หน่วยสืบราชการลับทหารให้เขาลงเพื่อผลในการทำลายนักการเมือง'' เขายอมรับกับผมอย่างหน้าชื่น เขาเองเขาไม่มีโอกาสจะทราบ เขาบอกแต่หน่วยราชการลับให้เขาลงอย่างนี้ ว่าเขาเห็นตัวผมที่โรงแรมล้านช้าง นี่ครับ กระผมคิดว่าข้อเท็จจริงทั้งหลายในวันที่ 6 ตุลาคมนั้นไม่ได้ยุติเพียงเท่านี้ การเตรียมการล่วงหน้าในวันที่ 6 ตุลาคมนั้น ได้ก่อเหตุสยองขวัญอย่างชนิดที่เรียกว่า '''ชีวิตเราไม่เคยเห็นความโหดเหี้ยมทารุณที่ไหนเป็นอย่างนั้น คนเป็น ๆ เขานำมาราดน้ำมัน เอายางรถยนต์ทับแล้วก็เผา ศพดิ้นก่อนจะตายนั้นกระดิกอยู่ในกองไฟ'''
  • ผมเชื่อว่าความโหดเหี้ยมทารุณนั้นจะต้องสนองตอบผู้กระทำในวันนั้น และความเคียดแค้นอันนี้ได้กระจายไปสู่นักศึกษาที่เห็นข้อเท็จจริง ผมไม่แปลกใจเลยที่หลัง 6 ตุลาจะมีปรากฎการณ์ที่เราไม่นึกว่ามันจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ พี่น้องครับ พี่น้องอยู่ไกลจากบ้านนอกพี่น้องไม่เคยเห็นทิวเขาบรรทัด พี่น้องไม่เคยไปภูพาน พี่น้องไม่เคยสัมผัสลมเย็น ๆ จากป่าของทิวเขาเหล่านั้น พี่น้องไม่มีโอกาสจะรู้ว่า บัดนี้บ้านนอกได้รับผลจาก 6 ตุลาคมอย่างไร ไม่เคยมีครั้งใดที่ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์จะได้กำลังอันมหาศาล ทั้งสมอง ทั้งกำลังคนอย่างมากมาย เหมือนอย่างเหตุการณ์หลัง 6 ตุลาคม ในขณะที่รัฐบาล ประณามว่านักศึกษาเหล่านั้นหลงผิดไปเลื่อมใสลัทธิคอมมิวนิสต์ ผมไม่ได้แก้ตัวให้คนเหล่านั้น แต่ถ้าผมอายุยี่สิบ ผมอาจจะไม่มีทางเลือกดีกว่านี้ ''เหตุการณ์ที่มันประทับตาประทับใจที่เกิดขึ้นในวันที่ 6 ตุลาคม ใครทนได้ ความเหี้ยมโหดของทหาร ตำรวจ ที่อยู่ในธรรมศาสตร์ในวันนั้นใครลืมได้ คนเหล่านี้ตกเป็นเครื่องมือของผู้วางแผนปฏิรูปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยความเชื่อว่านักศึกษาในธรรมศาสตร์วันนั้น คือ คอมมิวนิสต์'' ท่านจำได้ไหมหลัง 6 ตุลาคม นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ผู้หนึ่งได้มาออกรายการโทรทัศน์ แล้วบอกว่า คนในธรรมศาสตร์ที่จับได้นั้นพูดไทยไม่ได้ เป็นความจริงว่าคนเหล่านั้นบางคนบางกลุ่มพูดไทยไม่ได้ '''เพราะถูกซ้อมจนไม่สามารถพูดได้อีกแล้ว''' และพี่น้องครับ นายตำรวจนั้นยังยืนยันว่าได้เห็นรูปโฮจิมินห์ มีธงจีนคอมมิวนิสต์ มีอะไรมากมาย รวมทั้งอาวุธในสงคราม ซึ่งต่อมาได้นำปืนที่จับได้ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาแสดงที่วังสราญรมย์ กระบอกหนึ่งที่เขานำมาแสดงนั้น เป็นปืนเมาเซอร์ พี่น้องครับคงไม่ทราบ ถ้าผมไม่เรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบว่า ปืนกระบอกนั้นเป็นปืนของท่านศาสตราจารย์ ดร.หยุด แสงอุทัย ท่านเก็บไว้ที่มหาวิทยาลัยในฐานะนักเลงสะสมปืนเก่า และเขาบอกว่านี่คือปืนที่ใช้ในสงคราม ซึ่งนักศึกษาเอาไว้ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ '''คนเป็นจำนวนมากทั่วประเทศยังหลงผิดยังเชื่อในสิ่งผิด ๆ ยังประณามนักศึกษา''' ผมไม่ปฏิเสธว่าเหตุการณ์ในวันที่ 6 ตุลาคมนั้น ฐานะของนักศึกษาเราตกต่ำ แต่เราพูดเสมอว่านักศึกษาจะทำอะไรเกินเลยเถิดไปก็ตาม '''คนเหล่านี้จะต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย''' ข้อสำคัญที่สุด เราอย่าตกหลุมพรางของศัตรู อย่าทำอะไรรุนแรง คนเหล่านี้อย่าผลักดันให้เขาเข้าป่า ถ้าเราทำอะไรรุนแรง คนเหล่านี้จะไม่มีทางเลือกและเมื่อไหร่คนเหล่านี้เข้าป่า เขาคือมันสมองของพวกป่า ยอมรับกันไหมว่า คนที่เข้าไปในป่าเหล่านั้น คือ มันสมองที่สำคัญของชาติ บางคนเป็นนักเรียนแพทย์ บางคนจบพยาบาล บางคนวิศวะ บางคนสอบได้ที่หนึ่งของประเทศไทย คนเหล่านี้คือกำลังที่มหาศาลที่สุดของประเทศในอนาคต '''ถ้าเราไม่รีบร้อนผลักดันให้เขาเข้าไปในป่า''' คิดถึงอกเขาอกเรา
  • ท่านที่อยู่ในที่นี้รวมทั้งผมด้วย เราทุกคนเป็นซ้ายเป็นขวาได้ทั้งนั้น ถ้าเมื่อไหร่เราถูกบีบจนไม่มีจุดที่จะยืน ผมไม่ลืมหลัง 14 ตุลาคม 2516 กลุ่มคนบางกลุ่มขึ้นมาประณาม ใครต่อใครว่าไอ้นี่เป้นกากเดนทรราช ไอ้นี่ศักดินา ไอ้นี่เต่าล้านปี พรรคประชาธิปัตย์เองถูกประณาม ว่าเป็นพวกเต่าล้านปี เป็นพวกขวา เพราะหัวหน้าเป็น ม.ร.ว. ผมไปสืบ เราสูญเสียคนที่มีอยู่ตรงกลางไปเป็นจำนวนมาก เพราะความไม่เข้าใจ รีบร้อนประณาม ผลักดันคนให้เป็นซ้ายขวา เช่นเดียวกับหลัง 6 ตุลาคม ใครที่คิดไม่เหมือนรัฐบาล ใครที่พูดไม่เหมือนกับอาจารย์ธานินทร์ คนพวกนั้นเป็นแนวร่วมคอมมิวนิสต์ และเขาก็ได้สัมฤทธิ์ผลตามที่ต้องการ คือคนเหล่านั้นไม่มีจุดที่จะยืน เขาจะยืนตรงไหน ตรงไหนก็ได้ที่มีที่ว่าง ที่ไหนละครับที่จะว่างมากกว่าที่ในป่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เรามองไม่เห็น เราคาดคิดมาก่อน ผมกราบเรียนพี่น้องได้ว่าในห้องประชุม ค.ร.ม. ในสมัยที่เราเป็นรัฐบาลก็พูดกัน ในขณะที่คนกลุ่มหนึ่งบอกว่าอย่าไปรับไอ้พวกผู้แทนศูนย์นิสิตนักศึกษา ไล่มันออกไปอย่าให้มันกินน้ำ เราบอกว่า เขาเป็นคนไทยกลุ่มหนึ่ง เขามาเรียกร้อง รัฐบาลไม่มีความจำเป็นจะต้องปฏิบัติตามที่เขาเรียกร้อง แต่เมื่อเขาเสนอมาเรารับ และบอกว่ารัฐบาลปรารถนา ถ้าทำไมได้เราจะไม่รุนแรงกับคนเหล่านี้ พี่น้องครับ การพูดให้ความเห็นใจ การชี้แจงเหตุผลอย่างนี้ เขาหาว่าผมไม่ด่านักศึกษา พวกผมเป็นคอมมิวนิสต์ เป็นพวกเดียวกับนักศึกษา และผลจากการที่ทำรุนแรง อะไรเกิดขึ้น ผมจะไม่พูดหรอกว่าอนาคตกี่ปีข้างหน้าผู้ก่อการร้ายในป่าจะมีกำลังมากแค่ไหน แต่ผมอยากจะหยิบตัวอย่างให้พี่น้องได้เห็นว่าความรู้สึกของคนไทยแม้แต่ที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาเวลานี้ ก่อนที่นายกเกรียงศักดิ์จะพาครอบครัวไป ไปทำงานช่วยชาติ ก่อนที่ท่านจะไปสหรัฐอเมริกา คนไทยในสหรัฐอเมริกาได้มีการสอบความเห็นว่า รัฐบาลจะชนะผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์หรือไม่ พี่น้องครับไม่ออกเสียง 7 ไม่มีความเห็น 7 เห็นว่ารัฐบาลชนะ 3 เห็นว่ารัฐบาลแพ้ ผกค. 90 ผมไม่พูดหรอกครับว่า ความคิดเห็นของคนไทยในสหรัฐอเมริกาจะถูกหรือผิด เพราะเวลานี้ก็ได้มีนายพลในกองทัพบกก็ได้พูดไปแล้วว่า คนไทยเหล่านั้นอยู่ไกลเหตุการณ์เกินไป เขาไม่รู้ข้อเท็จจริง สิ่งที่ผมสงสัยก็คือว่า ผู้รับผิดชอบบ้านเมืองนี้ที่อยู่ในเหตุการณ์แน่ใจหรือว่าเขารู้ข้อเท็จจริง คนเหล่านี้มองเห็นปัญหาบ้านเมืองลึกไม่มากไปกว่าหลุมกอล์ฟหลุมที่ 19
  • พี่น้องที่เคารพครับ ทำไมผมพูดอย่างนี้ ผมอาจจะได้เปรียบที่เป็นคนบ้านนอกและผมได้มาอยู่ที่กรุงเทพด้วย ผมรุ้ว่าในขณะนี้อันตรายจาก ผกค. นั้นคืบคลานใกล้เข้ามาขนาดไหน ผมไม่ได้พูดจากรายงานของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ผมไม่ได้ดูจากรายงานของ กอ.รมน. ในจังหวัด แต่ผมพูดจากความจริงที่สองตาของผมได้เห็น ผมรู้ว่ามันคืบคลานเข้ามาตีครั้งไรเจ้าหน้าที่เราตาย 14 ตาย 5 ตาย 6 แต่ผู้รับผิดชอบในกรุงเทพบอกว่ามันเฮือกสุดท้ายของ ผกค. (ฮา) ทำไมมันหลายเฮือกนัก แต่ละเฮือกเราได้สูญเสียเจ้าหน้าที่ของเราไปอย่างน่าเสียดายที่สุด คนเหล่านี้ครั้งหลังสุดที่จังหวัดผม นายอำเภอ สารวัตร ปลัด ผู้กอง 6 ศพถูกกับระเบิด หลังจากปีที่แล้ว ผกค. ซึ่งเป็นหนุ่ม ๆ สาว ๆ ทั้งนั้น เดินในถนนเพชรเกษมอย่างลอยนวลไชโยโห่ร้องด้วยชัยชนะ พี่น้องครับคนที่ตาย 6 คนนั้นถูกแก้แค้นจากความเจ็บปวด ในวันที่ 6 ตุลาคม ทั้งที่ความจริง 6 ศพ 6 ชีวิตเหล่านั้น ไม่ได้มีส่วนในการเข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ในธรรมศาสตร์เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พี่น้องที่เคารพครับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีเฉพาะในจังหวัดผม แต่มันมีอยู่ทั่วไปในประเทศไทยขณะนี้ ซึ่งเป็นอันตรายที่พวกผมมองเห็น และพวกผมวิตก เราจึงได้พยายามตั้งแต่ในขณะนั้นที่จะไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้น '''เราพยายามที่จะอะลุ่มอะล่วยกัยคนไทยด้วยกัน เราไม่พยายามที่จะผลักดันคนไทยด้วยกันให้เข้าไปอยู่ในป่าเพื่อต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ของเรา''' คนในป่ากับคนในเมืองในขณะนี้ คือคนที่เป็นญาติพี่น้องของเราด้วยกันทั้งนั้น เจ้าหน้าที่ของบ้านเมืองต้องทำหน้าที่ในฐานะเขาเป็นข้าราชการ ลูกเมียเขาคิดอย่างไรที่สามีเขาต้องสูญเสียชีวิต และพี่น้องครับ ลูกหลานคนไทยของเรากลุ่มหนึ่งที่ทนความเจ็บแค้นไม่ได้ต้องเข้าไปอยู่ในป่า พ่อแม่จะไม่ห่วงคนเหล่านี้หรือ นี่คือปัญหาและเป็นปัญหาที่ผมกราบเรียนท่านทั้งหลายว่าผมวิตกแม้ว่าจะมีการเลือกตั้งไปแล้วก็ตาม บางครั้งจึงได้มีความรู้สึกที่ประชดประชันไปว่า อยากจะให้คนที่ก่อปัญหาได้แก้ปัญหาที่ก่อปัญหาขึ้นมา ผมคิดว่าปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อน และอาจจะต้องพูดกับท่านนานพอสมควร แต่ว่าเรายังมีโอกาสที่จะพูดกับท่านอีกมาก
  • เราเพียงแต่เริ่มต้นในการหาเสียงปฏิเสธไม่ได้ว่าวันนี้คือวันหาเสียงวันหนึ่งหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม วันนี้ หลายคนคิดว่า ปชป. นั้นจบสิ้นกันแล้ว หลายคนจึงได้พร้อมจะเดินออกจากพรรคประชาธิปัตย์ แต่พี่น้องครับพวกผมหลายคนเราเชื่อ เราเชื่อ พลังประชาชน คนบางคนอาจจะเชื่อดวง แต่ผมเชื่อ ดวงอาทิตย์ ผมรู้ว่าวันที่ 6 ตุลา มันต้องมี 7 ตุลา ผมรู้ว่าพรุ่งนี้พระอาทิตย์จะขึ้น 2 ปี กับ 4 เดือนเศษ มันอาจจะไม่เร็วเกินไป และมันอาจะไม่นานพอที่จะทำให้พี่น้องลืมอะไรไปได้ ถึงแม้ระยะเวลาจะผ่านไปพอสมควร ทำให้หลายคนคลี่คลายความตึงเครียดไปบ้าง แต่ผมเชื่อว่ามันไม่นานที่จะทำให้ท่านลืมอะไรไป เรายังเชื่อศรัทธา พี่น้องทั้งหลาย ผมมาจากประชาชน ถ้าคนไม่เลือกผม ผมไม่มีทางที่จะมายืนปราศรัยกับพี่น้องอย่างนี้ได้ ถ้าคนจังหวัดตรังไม่เคยเมตตาผม ผมไม่มีวันที่จะมีโอกาสที่จะมาเป็นผู้แทนของเขา ผมจะมีโอกาสเป็น ร.ม.ต. หรือเป็นอะไรก็ตาม ก็ด้วยพลังประชาชนเหมือนผมเท่านั้น คนอย่างผมไม่มีปัญญาที่จะหยิบยกอะไรขึ้นมาปฏิวัติ เราเป็นนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง เราต้องวิงวอนพี่น้อง เพราะถือว่าท่านทั้งหลายคือส่วนหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคของคนภาคใดภาคหนึ่ง กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นพรรคที่พี่น้องมีส่วน มิฉะนั้นมันจะไม่ยืนหยัดมาได้ถึง 30 กว่าปี วันนี้ ความเชื่อมั่นในพลังประชาชนนั้นผมคิดว่า มันเป็นความศรัทธาอันหนึ่งที่ผมมีต่อท่านทั้งหลาย ผมเชื่อว่ามันต้องมี 7 ตุลา 8 ตุลา มันต้องมี 2519 มี 2520 แล้ว 21 แล้วต้องมีวันนี้ วันซึ่งเรามีโอกาสได้ทำความเข้าใจได้ชี้แจงให้ประชาชนส่วนหนึ่งได้ทราบว่าอะไรเป็นอะไร และคนเหล่านี้จะได้พูดต่อไป ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่นั้นเป็นคนบริสุทธิ์ยุติธรรม เมื่อเขาได้รู้ว่าข้อมูลเป็นอย่างไร เหมือนกับที่ผมเชื่อว่า '''ลูกเสือชาวบ้านซึ่งตกเป็นเครื่องมือของคนกลุ่มหนึ่งไปเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์นั้น เมื่อเขาได้รู้ข้อเท็จจริงเขาต้องรู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด และเขาก็คงจะให้การสนับสนุนคนที่ถูก''' เราไม่เคยสิ้นหวัง ประชาชนยังให้ความไว้เนื้อเชื่อใจเราอยู่ พี่น้องที่เคารพครับ ถ้ามันมีการเลือกตั้งในวันที่ 22 เมษายน 2522 ถ้ามันมีจริง ๆ ก็เปิดโอกาสอีกครั้งหนึ่งที่ท่านจะได้ใช้สิทธิ์ อย่าตั้งความหวังเกินไปนัก เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้มีแนวโน้มออกมาให้เห็น ๆ อยู่พอสมควร รัฐธรรมนูญฉบับนี้เจตนารมณ์ที่เขียนมาก็เพื่อที่จะสนองคำมั่นสัญญาที่ทำให้ประชาชน แต่ในดวงใจที่แท้จริงนั้นเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะให้อะไรเราหรอก เขายังไม่พร้อมหรอกครับที่จะสละอำนาจอะไรต่าง ๆ ออกไป แต่อย่างไรก็ตามก็เป็นหน้าที่ของคนที่ท่านทั้งหลายเลือกเข้าไปที่จะต้องไปปรับปรุงแก้ไขอีกครั้งหนึ่ง
  • ผมอยากจะเรียนท่านทั้งหลายว่าที่ผมไม่อยากให้ท่านตั้งความหวังไว้มากมายนั้นก็เพราะเหตุว่า อนาคตในทางการเมืองข้างหน้านั้นมันไม่ได้แจ่มใสนักหรอกครับ เราไม่แน่ใจนักหรอกว่า การนำความจริงมาพูดกันนั้นจะทำให้ผู้เสียผลประโยชน์เจ็บร้อนหรือไม่ เพียงแต่ได้ข่าวว่าประชาธิปัตย์จะมาปราศรัย ท่านก็เห็นอยู่แล้วว่า คนกลุ่มหนึ่งซึ่งกลัวเราจะพูดความจริง เหมือนวันสันหลังหวะที่กลัวอีกา กลัวแมลงวัน คนเหล่านั้นเริ่มออกโรง คนอีกกลุ่มหนึ่งก็พยายามที่จะทำอะไรที่ก่อกวนการปราศรัย คนเหล่านั้นไม่กล้าที่จะรับความจริง แต่บ้านเมืองอยู่ได้หรือไม่ '''ถ้าเราอยู่กันด้วยการโกหก อาจจะอยู่ได้ในระยะหนึ่ง ระยะสั้น ๆ แต่ในระยะไกลนั้น เราจะอยู่ได้ต้องอยู่กันด้วยความจริง''' คนไทยสี่สิบกว่าล้านคนไม่ใช่คนเพียงหยิบมือเดียว ในกรุงเทพฯ การเลือกตั้งอาจจะไม่เป็นที่ถูกใจของคนบางกลุ่มที่เป็นเศรษฐีมีเงินทองมาก ๆ คนที่มีตำแหน่งมาก ๆ เขาอาจจะไม่พอใจ เขาอาจจะเห็นการเลือกตั้งคือความวุ่นวาย ความยุ่งยาก แต่พี่น้องครับ ถ้าเรารักที่จะให้บ้านเมืองอยู่รอด เรารักที่จะให้สถาบันอยู่รอด เราอยากจะให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่รอด ท่านจะต้องสร้างฐานที่มั่นคง ฐานอะไรเล่าที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าฐานประชาชน ถ้ามีฐานไม่มั่นคง ยอดไม่มีวันที่จะอยู่ได้และยอดต้องพังถ้าไม่มีฐาน เราไม่เคยลืมเราเป็นหนี้บุญคุณประชาชน เราสำนึกตลอดเวลาว่าประชาธิปัตย์ชนะมาทุกครั้ง เพราะประชาชนเข้าใจเรา พี่น้องครับ เราไม่ได้ทำถูกทุกครั้ง หลายครั้งเราผิด เราทำให้ประชาชนที่หนุนเราเสียใจ ไม่มีอะไรไปกว่าขออภัย สิ่งเหล่านั้นทุกอย่างมันจะเป็นบทเรียน บทเรียนที่สอนเราเจ็บแล้ว เราจำ และผมขอรับรองว่าผมคนหนึ่งที่ได้มีโอกาสเป็นผู้บริหารพรรค คนอย่างผมถ้าจะต้องเอาเงินมาซื้อตำแหน่งในพรรคก็คงไม่มีทาง แต่ว่าผมก็ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมพรรคให้มีบทบาทในพรรคนี้ ผมกับเพื่อน ๆ จะนำพรรคไปได้แค่ไหนนั้นอยู่กับประชาชนส่วนหนึ่ง แต่ผมมั่นใจว่าพี่น้องชาวกรุงเทพฯ จะไม่ทิ้งเรา เพื่อนยากนั้นเรารู้ใจกันในยากตกยาก หลายคนออกไปเมื่อเราไม่มีตำแหน่ง ร.ม.ต. ให้เขา คนเหล่านั้นไม่ไปลับหรอกครับ เมื่อไรเรามีตำแหน่ง ร.ม.ต. คนเหล่านั้นก็คงกลับมาอีก แต่เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องวินิจฉัยคนเหล่านั้น '''คนบางคนนั้นเติบโตขึ้นมาในวิถีทางการเมืองก็ได้ใช้ชื่อประชาธิปัตย์แขวนคอ'''
  • พี่น้องในกรุงเทพฯ นั้นเลือกเป็นพรรคจนกระทั่งมีคนสบประมาทว่าส่งใครเข้ามาก็ได้ ที่เป็นประชาธิปัตย์แล้วต้องได้ คนหลายคนที่ไม่มีใครเคยรู้จักเมื่อมีโอกาสเข้ามาอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการเลือกตั้งให้มีตำแหน่ง คนเหล่านั้นเมื่อเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ตกต่ำ เขาก็ถอยออกไป พี่น้องครับ พรรคประชาธิปัตย์เสมือนพ่อเสมือนแม่ของเขาเมื่อพ่อแม่เลี้ยงให้เขาโตมีชื่อเสียงมีฐานะขึ้นมา เขาก็ถีบเตะแม่ทิ้งไปแล้วเดินไปอย่างเชิดหน้าชูตา คนเหล่านี้จะเรียกคนอกตัญญู หรือจะเรียกว่าคนกตัญญู และคนเหล่านี้ถ้าจะเป็นเพื่อนพี่น้องทั้งหลายท่านคงเคยอ่านนิทานอีสปเรื่องหมีกับชายสองคน คนที่เมื่อหมีมาแล้วหนีขึ้นต้นไม้ทิ้งเพื่อนไป มันก็เหมือนชายในพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อพรรคตกต่ำคนเหล่านั้นก็ถีบตัวออกไป แล้วเขาก็คิดว่าพรรคไม่มีโอกาสฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว คนที่ประพฤติอย่างนี้ก็เหมือนกับคนที่ฆ่าพ่อฆ่าแม่ เนรคุณพ่อ เนรคุณแม่ ผมคิดว่า คนกรุงเทพฯวินิจฉัยอะไรได้ โดยที่ผมไม่ต้องย้ำอะไรมากกว่านี้ พี่น้องที่เคารพครับ เรายังมีโอกาสที่ต้องพบกันอีก ผมคงจะได้มีโอกาสขึ้นมาพบกับพี่น้องในกรุงเทพอีกหลายครั้ง เพื่อขึ้นมาช่วยเพื่อน ผมคิดว่ายังมีปัญหาหลายเรื่องแม้กระทั่งปัญหาเรื่อง 6 ตุลา ที่ผมยังไม่ได้พูด รวมทั้งปัญหาการขออนุมัติฆ่านักศึกษาในห้องประชุมรัฐมนตรี ซึ่งท่านอ.เสนีย์ ได้เล่าเป็นโดยย่อ ๆ แต่มิได้สรุปโดยรายละเอียด สิ่งเหล่านี้ผมมีโอกาสที่จะได้มากราบเรียนพี่น้องอีกครั้งหนึ่ง ในช่วงระยะหาเสียงเมื่อมีการสมัครแล้ว ผมฝากพรรคประชาธิปัตย์ไว้ในหัวใจท่านอีกครั้งหนึ่ง ขอความสุขสวัสดิ์จงมีแด่ท่านทั้งหลายครับ สวัสดีครับ
    • คำปราศรัยในการเลือกตั้ง 22 เมษายน พ.ศ. 2522 พูดถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519[1]
  • รัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว ผมก็ได้ยินอย่างนั้นมา 3 ปีแล้วครับ ทางของท่าน ท่านไปหลุมศพ[2]
  • เราไม่อาจทำให้คนทุกคนร่ำรวยเท่าเทียมกันได้ แต่เราสามารถทำให้ทุกคนอยู่ใต้กฎหมายเดียวกันได้
  • ยอมให้คนโง่ที่คนรอบข้างซื่อสัตย์ปกครองประเทศ ดีกว่าปล่อยให้คนซื่อแต่คนรอบข้างโกงกินปกครองประเทศ[3]
  • หลายคนไม่ชอบการยึดอำนาจของทหาร ในการยึดอำนาจแต่ละครั้งผู้ที่ยึดอำนาจจะบอกเหตุผลหนึ่งของการยึดอำนาจ คือนักการเมืองรัฐบาลคอรัปชั่น พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคเดียวที่เป็นรัฐบาลแล้วไม่มีการยึดอำนาจ เพราะประชาธิปัตย์ไมไปสร้างเงื่อนไขให้เกิดการยึดอำนาจ ประชาธิปัตย์ไม่โกง

คำคมเกี่ยวกับ ชวน หลีกภัย[แก้ไข]

  • อย่านำคุณชวนไปเปรียบเทียบกับนายมหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซีย แม้คุณชวนจะอายุน้อยกว่า แต่ผู้นำมาเลเซียมีความคิด วิสัยทัศน์และความกล้าหาญมากกว่าหลายเท่าตัว อีกอย่างไม่ควรจะคาดหวังว่าคุณชวนจะนำพรรคไปต่อสู้กับอำนาจทหารในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะผมไม่เคยเห็นเส้นทางสายนี้
    • วานิช สุนทรนนท์
  • เมื่อสร้างถนนเป็นเวลานานก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่ถนนผุพังต้องซ่อม เช่นเดียวกับถนนสายใต้ บังเอิญว่าถนนพังในยุคคสช. พังแบบไม่รู้ว่าจะปะซ่อมอย่างไร ทรุดโทรมจนซ่อมไม่ไหวแล้ว เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน นายชวนจึงมีหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นนายกฯช่วงคสช.พอดี เพื่อทำถนนใหม่ ไม่ใช่ขอตอนนี้ แต่ขอสมัยคสช. และจบไปแล้ว
  • สุกิจ อัถโถปกรณ์

อ้างอิง[แก้ไข]

  1. หนังสือ ประวัติศาสตร์การศึกษา วันมหาวิปโยค 14 ตุลา 16 - 6 ตุลา 19 โดย แปลก เข็มพิลา
  2. หนังสือ ประชาธิปัตย์ปราศรัย สำนักพิมพ์ politic press กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548
  3. หนังสือกินอยู่เรียบง่าย สบายแบบชาวบ้าน ชวน หลีกภัย ลูกแม่ค้าขายพุงปลา โดย เริงศักดิ์ กำธร (พ.ศ. 2545) ISBN 974-85645-2-5