ข้ามไปเนื้อหา

คัมภีร์ไบเบิล

จาก วิกิคำคม

คำสอน

[แก้ไข]
หนทางที่ดีที่สุดที่จะลืมปัญหาของตนเอง

ก็คือการช่วยแก้ปัญหาให้ผู้อื่น.

"มนุษย์ อย่ามองเพียงปัญหาของตนเอง แต่ทุกคนควรมองดูปัญหาของผู้อื่น" (ฟิลลิปปี 2:4)

พระเจ้าเป็นผู้ทรงสามารถรักษาดวงใจที่สลายได้

แต่พระองค์จำเป็นต้องมีทุกชิ้นส่วนของดวงใจนั้น.

"ลูกรัก จงมอบดวงใจให้แก่เราเถิด" (สุภาษิต 23:26ก.)

 การมีอำนาจ ทำให้บางคนเติบโต

แต่ทำให้บางคนเพียง บวมเท่านั้น.

"แต่ผู้ยิ่งใหญ่ในพวกท่าน ต้องเป็นผู้รับใช้ ผู้ใดยกย่องตัวเองจะถูกดึงให้ต่ำลง และผู้ใดที่ถ่อมตนลงจะได้รับการยกย่อง" (มัทธิว 23:11,12) 

 จงเป็นห่วงว่าพระเป็นเจ้าทรงคิดอย่างไรกับท่าน

มากกว่าการเป็นห่วงว่าคนอื่นเขาจะคิดอย่างไร.

"เปโตรและสาวกอื่น ๆ ตอบว่า  เรานอบน้อมเชื่อฟังพระเป็นเจ้าดีกว่ามนุษย์" (กิจการ 5:29)

  ปัญหาของผู้ที่พูดเร็วเกินไปก็คือ

เขามักจะพูดสิ่งที่เขายังคิดไม่ถึง.

"อย่ารีบพูด อย่าให้ใจท่านด่วนกล่าวสิ่งใดต่อพระพักต์พระเป็นเจ้า เหตุว่าพระเป็นเจ้าประทับในสวรรค์และเจ้าอยู่ในโลก ฉะนั้นขอให้เจ้าจงพูดน้อย" (บุตรสิรา 5:2)

การพูดเป็นคำสุดท้าย 

ควรเป็นการกล่าวขออภัย.

"ลูกรัก หากลูกตกเป็นเหยื่อของสิ่งที่พูด หรือถูกคำพูดของลูกเป็นกับดัก ก็จงทำดังนี้ซิ จงปลดปล่อยตัวของลูกเสีย เมื่อลูกตกเป็นเหยื่อในเงื้อมมือของเพื่อนบ้านแล้ว จงถ่อมตนแล้ววิงวอนเพื่อนบ้านของลูก"   (สุภาษิต 6:2,3)  

รถไฟของความล้มเหลว

มักวิ่งอยู่บนรางของความเกียจคร้าน.

"ความเกียจคร้านมากมาย ทำให้ตึกรามเสื่อมสภาพ บ้านช่องพังลงก็เพราะมือที่เฉื่อยชา"   (บุตรสิรา 10:18)  

 
 เมื่อเผชิญกับปัญหาขนาดยักษ์แบบ "โกลิอัท"

ท่านจะตอบว่า "มันใหญ่เกินไป สู้ไม่ไหว"
หรือจะตอบแบบดาวิดว่า
"ถ้าใหญ่อย่างนี้ย่อมไม่พลาดแน่" ?

"พระเจ้าทรงช่วยให้ข้าพเจ้า พ้นจากอุ้มเท้าของสิงห์โตและหมีมาแล้ว พระองค์ก็จะทรงช่วยให้ข้าพเจ้า พ้นจากเงื่อมมือของชาวฟิลิสเตียผู้นี้" (1ซามูแอล 17:37)

 จงลืมตัวท่าน เพื่อผู้อื่น 

แล้วเขาจะไม่ลืมท่าน.

"ดังนั้นสิ่งใดที่ท่านปรารถนา ให้ผู้อื่นกระทำแก่ท่าน ท่านก็จงกระทำสิ่งนั้นแก่เขา เพราะนี่กฎบัญญัติ และคำสอนของบรรดาประกาศก"  (มัทธิว 7:12)

 เคล็ดลับของความพอใจ คือการสำนึกว่า

ชีวิตคือพระพร มิใช่สิทธิ.

"ศาสนาทำให้คนมั่งมี หากเขาพอใจในสิ่งที่เขามีอยู่ เรามิได้นำอะไรติดตัวมาในโลก และเมื่อจากไป เราก็ไม่สามารถนำเอาอะไรติดตัวไปได้"   (1ทิโมธี 6:6,7)

ความเชื่อเที่ยงแท้ และความกล้าหาญ

เปรียบเสมือนว่าว
ยิ่งมีลมต้าน มักยิ่งร่อนสูงขึ้น.

"ส่วนผู้ที่รอคอยพระเจ้า จะฟื้นฟูพลังของตนเอง เขาจะมีปีกโผบินดังเช่นนกอินทรีย์ เขาจะวิ่งแต่ก็ไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินแต่ก็ไม่เป็นลม  (อิสยาห์ 41:31) 

 ผู้ที่นำแสงอาทิตย์ เข้ามาในชีวิตของผู้อื่น

ย่อมไม่สามารถกั้นแสงนั้น
จากชีวิตของตนเองได้.

"อย่าหลงผิด ไม่มีใครหลอกพระเป็นเจ้าได้ สิ่งใดที่มนุษย์หว่านไว้ เขาก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น"  (กาลาเทีย 6:7)

  เราจะรู้ซึ้งถึงความเชื่อ ก็ต่อเมื่อ

เราเริ่มสั่งสอนลูกหลาน.

"ฝ่ายท่านผู้เป็นบิดา อย่ายั่วให้บุตรของท่านเกิดโทสะ แต่จงอบรมบุตรด้วยการสั่งสอน และเตือนสติตามหลักธรรมของพระเป็นเจ้า"   (เอเฟซัส 6:4)

 บนบานประตูแห่งโอกาส ย่อมมีเขียนว่า

"ผลัก"  หรือ  "ดึง"

"วิญญาณของคนเกียจคร้าน มีความยากได้ แต่ไม่ได้อะไรเลย ฝ่ายวิญญาณของคนขยัน จะอ้วนพี"   (สุภาษิต13:4)

  คนเราจะมีชัยมิได้ หากไร้การเริ่มต้น.

"เมื่อท่านมีใจพร้อมอยู่แล้ว ท่านจะได้ทำให้สำเร็จตามความสามารถของท่าน" (2 คร 8:11)

 หนทางสู่ความสำเร็จ คือการนำเอาคำแนะนำ

ที่ท่านมอบให้ผู้อื่น มาใช้กับตัวท่านเอง.

"ท่านที่ไม่สนใจกับกฎวินัย ย่อมดูหมิ่นตนเอง แต่บุคคลที่รับฟังคำตักเตือน ก็จะได้รับความเข้าใจ" (สุภาษิต 15:32)

  คนเขาจะรู้ว่าท่านเป็นใคร มิใช่จากสิ่งที่เขาเห็น

แต่จากสิ่งที่เขาได้ยินจากปากของท่าน.

ให้ความสว่างของท่าน จงฉายแสงต่อหน้ามนุษย์ เขาจะได้เห็นกิจการที่ดีงามของท่าน เขาจะได้ถวายพระเกียรติ แด่พระบิดาเจ้าของท่าน ผู้ประทับอยู่ในสวรรค์  (มัทธิ 5:16)

 บ่อยครั้งมนุษย์คิดว่าจิตใจเขาเปิดกว้างขึ้น

อันที่จริงแล้ว มโนธรรมเขาต่างหากที่ยืดออก.สำหรับผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ ทุกอย่างก็ย่อมบริสุทธ์ผุดผ่อง แต่สำหรับผู้มีใจชั่วร้ายและไร้ความเชื่อ ไม่มีอะไรเลยที่บริสุทธิ์ ทั้งจิตใจและมโนธรรมของผู้นั้น ถูกทำลายไปหมดแล้ว  (ทิตัส 1:15)

 ความโมโหมักทำให้เราตกอยู่ในความลำบาก

แต่ความหยิ่งต่างหาก
ที่ทำให้เราอยู่ในสภาพนั้น
ความเย่อหยิ่งมาก่อนการถูกทำลาย จิตใจที่ยโสมักจะมาก่อนการหกล้ม การมีจิตถ่อมตนกับคนยาก ดีกว่า ที่จะได้ส่วนแบ่งจากของที่ริบมาจากคนหยิ่ง (สุภาษิต 16:18,19)

 เราดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยสิ่งที่เราได้รับ

แต่เรากลับเป็นผู้มอบชีวิต เมื่อเราเป็นผู้ให้ข้าพเจ้าได้ให้ตัวอย่างแก่ท่านแล้วในทุกสิ่ง ให้ท่านเห็นว่าการกระทำดังนี้ ท่านจะสามารถช่วยผู้ที่อ่อนแอ ท่านจงรำลึกถึงพระวาจาของพระเยซูเจ้าที่ตรัสว่า "การให้ย่อมได้บุญมากกว่าการรับ"   (กิจการ 20:35)

 แต่ละวันที่ผ่านไป คล้ายกับกระเป๋าที่มีขนาดเท่ากัน

คนบางคนสามารถใส่ข้าวของเข้าไป
ในกระเป๋านั้นมากกว่าผู้อื่น.

ดังนั้นท่านจงระมัดระวัง ในการดำเนินชีวิต อย่าให้เหมือนคนไร้ปัญญา แต่ให้เหมือนผู้มีปัญญา จงฉวยทุกโอกาสที่ผ่านเข้ามา  (เอเฟซัส 5:15,16)

 ชิวิตคงจะง่ายขึ้นมาก

หากคนเรา แสดงความอดทนในครอบครัว
ให้เท่ากับเวลาที่เขาไปนั่งตกปลา.

ท่านที่เป็นสามี ก็จงอยู่กับภรรยาของท่าน ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน (1เปโต 3:7ข.)

  ความร่ำรวยของคนเรา มิได้อยู่ที่ว่าเรามี

ทรัพย์สินเงินทองมากมายเพียงใด
แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นคนอย่างไร.

บางคนไม่มีอะไรเลย แต่แสร้งทำเป็นคนร่ำรวย แต่บางคนมีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ก็แสร้งทำเป็นคนจน  (สุภาษิต 13:7)

 การให้อภัยคล้ายกับเป็นการปล่อยนักโทษให้

เป็นอิสระ แล้วมาพบว่า
นักโทษนั้นก็คือ "ตัวคุณเอง"

หากท่านให้อภัยผู้ที่กระทำผิดต่อท่าน พระบิดาเจ้าก็จะทรงให้อภัยท่านด้วย แต่หากท่านไม่ให้อภัยผู้อื่น พระบิดาของท่านก็จะไม่ทรงให้อภัยแก่ท่านเช่นกัน (มัทธิ 6:14,15)

  ท่านคลุกคลีกับใคร ก็ย่อมจะบ่งให้เห็นว่า

ท่านกำลังจะพบกับความยุ่งยากอย่างไร.

อย่าไปผูกมิตรกับคนที่โกรธง่าย ท่านอาจจะเป็นเหมือนเขา และติดอยู่ในกับดัก  (สุภาษิต 22:24,25)

 หัวใจมีความสุขมากที่สุด

เมื่อมันเต้นเพื่อคนอื่น.

ไม่มีผู้ใดมีความรักเท่ากับ ผู้ที่ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อผู้อื่น (ยอห์น 15:13)

  บทเรียนจากการมองดูนาฬิกาก็คือ

มันทำให้เวลาผ่านไปก็จริง
แต่มันขยันทำงานตลอดเวลา.

การเป็นคนเกียจคร้าน ก็ไม่แตกต่างอะไรกับคนที่ชอบทำลาย (สุภาษิต 18:9)

 มรดกอันประเสริฐที่บิดามอบให้บุตร

ก็คือ "ตัวอย่างที่ดี"ท่านก็ทราบดีแล้วว่า เราได้กระทำทุกอย่างเพื่อท่าน ดังบิดามารดา พึงกระทำต่อบุตรหลานของตน  (1เธสสะโลนิกา 2:11)

 พระเป็นเจ้าจะทรงเข้ามาสาละวนกับเรื่องของมนุษย์

ก็ต่อเมื่อพระองค์ได้รับเชิญเท่านั้น.ดูเถิด เรายืนอยู่และเคาะที่ประตูของท่าน หากท่านได้ยินเสียงของเราแล้วเปิดประตู เราก็จะเข้ามาร่วมรับประทานอาหารกับท่าน   (วิวรณ์ 3:20)

 การแต่งงานอาจจะถูกสร้างขึ้นบนสวรรค์

แต่การบรูณะซ่อมแซมต้องอยู่ในโลกนี้.

ดังนั้น สามีจงรักภรรยา เหมือนรักตัวท่านเอง และภรรยาก็จงเคารพสามีของตน  (เอเฟซัส 5:33)

ความอิ่มเอิบใจมิได้หมายความว่า

เราได้มาซึ่งสิ่งที่เราต้องการ
หากแต่เป็นความพอใจในสิ่งที่เรามีอยู่.

ข้าพเจ้าไม่ได้บ่นถึงเรื่องความขัดสน ไม่ว่าข้าพเจ้าจะมีฐานะอย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็เรียนรู้แล้วที่จะพอใจในสภาพของตน   (ฟิลิปปี 4:11)

 ความสามารถ จะช่วยให้คนไปถึงจุดสุดยอด

ของชีวิต แต่อุปนิสัยใจคอต่างหาก
ที่จะช่วยให้เขาอยู่ต่อไปได้ในจุดนั้น.

ความชอบธรรมของคนที่ไร้ตำหนิ ย่อมรักษาทางของเขาให้ตรง แต่คนชั่วร้ายย่อมล้มลง ด้วยความชั่วร้ายของเขาเอง  (สุภาษิต 11:5)

 คำพูดคือหน้าต่าง

ที่เปิดให้เห็นหัวใจของท่าน.

เจ้าเป็นคนชั่วแล้วจะพูดความดีได้อย่างไร เหตุว่าปากนั้นพูดจากสิ่งที่มาจากใจ (มัทธิว 12:34ข.) 

 คนโง่คิดว่าเขารู้ทุกอย่าง

หากท่านไปถกเถียงกับเขา
ท่านก็ยิ่งโง่ไปกว่าเขาเสียอีก.

หากท่านตักเตือนคนที่โอ้อวด ท่านก็จะได้รับแต่เพียงการดูหมิ่น และความเจ็บปวด  (สุภาษิต 9:7)

  คนที่กำลังจมน้ำ เขาจะไม่มัวบ่นว่า

เครื่องชูชีพมันเล็กเกินไป.

จงทำสิ่งสารพัดโดยปราศจากการบ่น และการถกเถียงกัน (ฟีลิปปี 2:14)

 เป็นบุญของผู้ที่ไม่มีอะไรจะพูด

และยังสามารถอดใจไม่พูดอย่างยืดยาว.

ลิ้นของปราชญ์แจกจ่ายความรู้ แต่ปากของคนโง่ ย่อมถ่ายเทความโง่ออกมา (สุภาษิต 15:2)

  "โชคดี" คือข้อแก้ตัวที่ผู้แพ้มอบให้กับผู้ชนะ.

วิญญาณของคนเกียจคร้านมีแต่ความอยาก แต่เขาจะไม่ได้อะไรเลย ฝ่ายวิญญาณของคนขยัน จะอ้วนพี (สุภาษิต 13:4)

 หากท่านทำสิ่งที่ท่านกลัว

ความกลัวก็จะหมดฤทธิ์.โมเสสส่งคนเผ่าละพันคนออกไปทำสงคราม ทั้งคนเหล่านั้น กับฟีเนหัสบุตรเอเลซาร์ปุโรหิต พร้อมกับเครื่องใช้ของสถานนมัสการ และมีแตรปลุกอยู่ในมือ (กันดารวิถี 31:6)

 ศิลปะของการเป็นแขกที่ดี

คือการรู้ว่าเมื่อไรควรจะกล่าวคำอำลา.อย่าไปเยี่ยมเพื่อนบ่อยเกินไป เพราะเขาจะรู้สึกเอือมระอา และเริ่มเกลียดชังท่าน  (สุภาษิต 25:17)

 ผู้ที่ไม่ให้อภัย

คือผู้ที่ทำลายสะพานที่เขาเองจะต้องข้าม.

หากท่านให้อภัยความผิด ที่ผู้อื่นกระทำต่อท่าน พระบิดาเจ้าของท่านในสวรรค์ ก็จะทรงให้อภัยแก่ท่านด้วย (มัทธิว 6:14)

พระเยซูเจ้าคือพระสหาย

ผู้ทรงย่างกายเข้ามา
เมื่อโลกย้ายออกไป.

เราบอกสิ่งเหล่านี้แก่ท่าน เพื่อท่านจะได้มีสันติในจิตใจของท่านเนื่องจากเรา ระหว่างที่ท่านอยู่ในโลก ท่านจะต้องทรมาน แต่จงทำใจดีไว้เถิด  (ยอห์น 16:33)

 ผู้ที่มีสิทธิ์ในความรักน้อยที่สุด

คือผู้ที่ต้องการความรักมากที่สุด.

แต่เราสั่งให้ท่านรักศัตรู และอธิฐานภาวนา ให้ผู้ที่กระทำผิดต่อท่าน (มัทธิว 5:44)

  เมื่อพระเป็นเจ้าทรงวัดมนุษย์

พระองค์ทรงเอาเทป
วัดใจแทนที่จะทรงวัดสมอง.

พระเป็นเจ้ามิได้ทรงทอดพระเนตร ดังเช่นมนุษย์ มนุษย์มองดูรูปร่างภายนอก แต่พระเป็นเจ้าทรงทอดพระเนตร จิตใจ (1ซามูแอล 16:7ข.)

 แม้หญ้าในสนามของบ้านข้างเคียง

จะดูเขียวกว่าบ้านของเรา
แต่ก็ยังต้องตัดอยู่นั่นเอง.

จงพอใจในสิ่งที่ท่านมีอยู่   (ฮีบรู 13:5)

  ลองครั้งแรกไม่สำเร็จ ก็ลองอ่านคู่มือดูซิ.

จงยึดมั่นในคำสอนของเรา อย่าได้ปล่อยไป จงรักษาไว้ เพราะนั่นคือชีวิตของเจ้า  (สุภาษิต 4:13)

อารมณ์ร้ายของท่านเปรียบเสมือนไฟใหม้

หากควบคุมไม่ได้
ก็อาจเกิดความเสียหายมากมาย.

ผู้ที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ก็เหมือนกับเมืองที่ไม่มีกำแพง (สุภาษิต 25:28) 

  การตัดสินใจของท่าน อาจขัดแย้งกับ

น้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า แต่ตัวท่านเอง
จะไม่พ้นเอื้อมพระหัตถ์ของพระองค์ไปได้.

แม้เราจะไม่ซื่อสัตย์ แต่พระองค์ก็ยังคงซื่อสัตย์ เหตุว่าพระคริสตเจ้า มิทรงสามารถปฏิเสธพระองค์เองได้   (2 ทิโมธี 2:13)

 เพื่อนๆ ของท่านก็คล้ายกับปุ่มของลิฟต์

เขาจะพาท่านให้ขึ้นก็ได้ ลงก็ได้.ผู้ที่ผูกมิตรกับคนฉลาด ก็จะเป็นคนฉลาด หากท่านผูกมิตรกับคนโง่ ตัวท่านเองอาจถูกทำลาย  (สุภาษิต 13:30)

 ความอดทนคือ คุณสมบัติที่ท่านชมเชยผู้ขับ

รถข้างหลังท่าน แต่เป็นที่น่ารำคาญสำหรับ
ผู้ที่ขับรถอยู่ข้างหน้า.
เรื่องจบ ดีกว่าเริ่มเรื่อง ความอดทนดีกว่าความหยิ่งยโส อย่าเป็นคนโกรธง่าย เหตุว่าความโกรธมักจะอยู่ในใจของคนโง่ (ปัญญาจารย์ 7:8,9)

 ผู้ที่ไม่ตื่นเต้นกับงานของตน

คนเขาเรียกผู้นั้นว่า "คนว่างงาน"ไม่ว่าท่านจะทำอะไร ก็จงทำด้วยความตั้งใจ เหมือนกับท่านกำลังรับใช้ พระเป็นเจ้าพระองค์เอง มิใช่เจ้านายฝ่ายโลก  (โคโลสี 3:23)

เราจะรู้อุปนิสัยใจคอที่แท้จริงของคนได้

ก็โดยสังเกตุว่าเขาทำอะไร เมื่อไม่มีใครเห็น.

จงทำให้นายพอใจเสมอ มิใช่เวลาที่ท่านคิดว่านายกำลังมองอยู่ ท่าน คือ ทาสของพระคริสตเจ้า ดังนั้นท่านจงกระทำสิ่งที่พระเป็นเจ้า ทรงปรารถนาจากท่าน ด้วยความเต็มใจ  (เอเฟซัส 6:6)

 ตายพร้อมกับชื่อเสียงที่ดี

ดีกว่ามีชีวิตกับชื่อเสียงที่ใช้ไม่ได้.

ชื่อเสียงดี ย่อมมีค่ามากกว่าเครื่องหอมอันมีค่า   (ปัญญาจารย์ 7:1)

  คำว่า "ไม่" เป็นหนึ่งในจำนวนไม่กี่คำ

ที่จะมีคนเข้าใจผิดได้ง่าย.

เมื่อท่านจะสัญญาอะไร ก็เพียงแต่บอกว่า  "ใช่"   หรือ  "ไม่ใช่" (มัทธิว 5:37ก.)

 สะพานที่ท่านจุดไฟเผาในวันนี้

อาจจะเป็นสะพานที่ท่านจะต้องใช้ข้าม
ในวันข้างหน้า.

จงพยายามสุดความสามารถ ที่จะเจริญชีวิตในสันติกับทุกคน (โรม 12:8)

  คนเรามักปรารถนาจะรับใช้พระเป็นเจ้า

แต่ในตำแหน่งผู้ถวายคำแนะนำแด่พระองค์.

จงถ่อมตนเฉพาะพระพักต์ พระเป็นเจ้าผู้ทรงพระอานุภาพ แล้วพระองค์ก็จะทรงให้เกียรติแก่ท่าน เมื่อถึงเวลา  (1เปโต 5:6)

 มโนธรรม คือ เครื่องเตือนภัยซึ่งพระเป็น

ทรงติดตั้งให้ไว้กับท่าน จงดีใจเมื่อมันทำให้
ท่านรู้สึกเจ็บ แต่จงระวังเมื่อท่านไม่รู้สึกเจ็บ.

ในข้อนี้ ข้าพเจ้าพยายามประพฤติตามมโนธรรม โดยมิให้กระทำผิดต่อพระเป็นเจ้า และต่อเพื่อนมนุษย์ (กิจการ 24:16)

  คนเรามักลืมพระเป็นเจ้าทั้งวัน

แต่แล้วก็ขอให้พระองค์ ทรงระลึกถึงเขาทั้งคืน.

ข้าพเจ้าจะอธิษฐานภาวนา และร้องหาพระองค์ ทั้งยามเช้า เวลาเที่ยง และยามเย็น แล้วพระองค์จะสดับฟังข้าพเจ้า   (สดุดี 55:17)

 อุปนิสัยของคนนั้นมิได้อยู่ที่ว่า บรรพบุรุษได้ทิ้ง

มรดกอะไรไว้ให้เขาบ้าง แต่ขึ้นอยู่กับว่าตัวเขาเอง
ได้ทิ้งมรดกอะไรไว้ให้ลูกหลานของเขา.
คนดีจะทิ้งมรดกให้ลูกหลาน แต่ทรัพย์สมบัติของคนบาปนั้น สะสมไว้สำหรับผู้ชอบธรรม  (สุภาษิต 13:22)

 สะพานเชื่อมที่ดีเลิศระหว่างความหวัง กับ

ความหมดหวัง
ก็คือ การนอนหลับให้เต็มอิ่ม.
ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตื่นเช้า นอนดึก เพื่อทำมาหาเลี้ยงชีพ พระเป็นเจ้าทรงดูแลผู้ที่พระองค์ทรงรัก แม้ในยามที่เขานอนหลับ (สุดดี 127:2)

 การที่รู้ว่าท่านเป็นคริสตชนก็นับว่าดี

แต่การแสดงตนเป็นคริสตชนย่อมดีกว่า.หากท่านรักกันและกัน คนทั้งหลายก็จะรู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของเรา (ยอห์น 13:35)