ธรรมนัส พรหมเผ่า

จาก วิกิคำคม
ธรรมนัส พรหมเผ่า เมื่อปี ค.ศ. 2020

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า (ชื่อเล่น: นัท) เดิมชื่อ ยุทธภูมิ โบพรหม, พชร โบพรหม, พชร พรหมเผ่า และมนัส พรหมเผ่า เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพะเยา เขต 1 ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในปี ค.ศ. 2019 ในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ และเป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์ภาคเหนือของพรรคพลังประชารัฐ

คำพูด[แก้ไข]

  • จากประสบการณ์ผู้สมัครของพรรค หลายคนมาจากพรรคเพื่อไทย ทำให้รู้ยุทธศาสตร์การหาเสียงของคู่ต่อสู้จากพรรคอื่นๆ ประกอบกับประสบการณ์ของผู้สมัครแต่ละท่าน ที่ผ่านมาเราทำการบ้านไม่ได้เกาะกระแสของพรรค เพราะพรรคเพิ่งเปิดตัวมาเพียง 2 เดือน แต่ผู้สมัครของพรรคอื่นกลับเกาะกระแสของพรรคโดยไม่ได้คลุกคลีกับพี่น้องประชาชนเหมือนพรรคเรา ซึ่งเข้าถึงง่ายและอยู่กับประชาชนมาตลอด ทั้งๆ ที่ไม่ทราบว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่

2019[แก้ไข]

  • ขอย้ำปี 2531 ผมยังเป็นนักเรียนนายร้อยชั้นปี 4 อยู่เลย ไม่รู้ว่าคนที่มาระบุเอามาจากไหน ไม่ได้ศึกษาข้อมูลมาก่อนแล้วนำเอาไปเผยแพร่ต่อสาธารณะทำให้ผมเสื่อมเสียชื่อเสียง ขอให้คนที่ทำเตรียมตัวรอรับหมายได้เลย ให้รอรับผลการกระทำในเรื่องต่างๆ ซึ่งผมได้มอบหมายให้ทีมทนายไปดำเนินการทางกฎหมายเรียบร้อยแล้ว
  • กำลังศึกษา เมื่อปี 31 ยังเป็นนายร้อยอยู่เลย จะไปติดคุกที่ประเทศออสเตรเลียได้อย่างไร พูดกันไปเรื่อย อยู่ๆ ก็มีข่าวไปพาดหัวหนังสือพิมพ์ ไม่ตรวจสอบกันเลย อีกทั้งเรื่องวุฒิการศึกษา ผมได้ทำหนังสือไปถึงกระทรวงการต่างประเทศที่ประเทศต้นทางแล้ว ไม่ต้องสิ้นเปลืองงบค่าเดินทาง ส่วนใครจะไปหาข้อมูลที่เมืองนอก ก็เป็นสิทธิตามหน้าที่ ทุกคนก็ต่างทำหน้าที่ใครหน้าที่มัน ไม่อยากยุ่งอะไร กมธ.เขามีหน้าที่พิสูจน์ อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์กัน ส่วนผมไม่หนักใจ ผมจบปริญญาตรีนายร้อย

2020[แก้ไข]

  • สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดของรัฐนิวเซาท์เวลส์ อ้างว่าเป็นเฮโรอีน 3.2 กิโลกรัม มันคือแป้ง [1]
  • ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการการขายหน้ากาก และได้ประสานงานกับสถานีตำรวจหนองปรือชลบุรีว่า ให้ดำเนินการตรวจสอบโดยเร็ว และหากมีการกักตุนหน้ากากจริง ผมจะนำไปทลายเอง และได้ตั้งคณะตรวจสอบพฤติกรรมของนายพิตตินันท์ด้วย หากมีความผิดจริง จะไม่เอาไว้แน่นอน ใครก็ตามที่เป็นคณะทำงานผม หากไปเกี่ยวข้องกับการกักตุนหน้ากากอนามัย จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จะไม่เลี้ยงเลยคนพวกนี้
  • ไม่มีใครมาปรึกษาเรื่องคดีของนายธรรมนัส และส่วนตัวก็ไม่เคยเห็นหน้านายธรรมมนัส แต่ไม่ว่าใครก็ที่มีปัญหา ก็ต้องจัดการตัวเองให้ถูกต้อง หรือไม่เช่นนั้นต้องพิจารณาตัวเอง แล้วพ้นจากตำแหน่งไป[2]
  • เรื่องนี้ถ้า ร.อ.ธรรมนัสลาออกถือว่าจบ เพราะถือว่าขาดคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี เนื่องจากเคยติดคุก เรื่องจะไม่ลามไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล แต่ถ้าปล่อยให้กระบวนการพิจารณาของ กมธ.ดำเนินการไปจนแล้วเสร็จ พล.อ.ประยุทธ์ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ให้คนขัดคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี[3]
  • ร.อ.ธรรมนัสไม่ได้เป็นเหยื่ออะไร แต่ถือเป็นตัวกลาง เพราะรู้อยู่แล้วว่าได้มาโดยมิชอบ หรือไม่ได้มีการศึกษาจริง และไม่ได้เป็นมหาวิทยาลัยจริง ถือว่าจงใจกระทำเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้แปลเอกสารเพื่อที่จะรู้ข้อมูลที่ชัดเจน เพราะตนเองไม่ได้เชี่ยวชาญภาษาต่างประเทศเหมือนนายกรัฐมนตรี[4]
  • การเดินทางมาให้ข้อมูลต่อ กมธ.ครั้งนี้ ต้องการเสนอปัญหาการค้าวุฒิการศึกษาปริญญาเอกต่างประเทศปลอมในประเทศไทย มีคนจำนวนมากทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ พระภิกษุถูกหลอกเสียเงินไปกับการซื้อปริญญาเอกปลอม เพราะอยากได้คำว่า ดร.นำหน้า ซึ่งในประเทศไทยมีขบวนการที่อ้างตัวเป็นนักวิชาการ ใช้ตำแหน่งดอกเตอร์  ศาสตราจารย์มาหลอกลวงจนมีผู้เสียหายจำนวนมาก[4]
  • จากการตรวจสอบของ กมธ.ยังพบว่าก่อนหน้านี้ปี 2531 ร.อ.ธรรมนัสเคยต้องคดียาเสพติด ตามความผิดกฎหมายสอดส่องเพื่อนบ้านของประเทศออสเตรเลีย กล่าวคือ ร.อ.ธรรมนัสทราบว่าละแวกบริเวณที่อาศัยอยู่มียาเสพติด แต่ไม่แจ้งข้อมูลให้ทางการรับทราบ จึงถูกลงโทษจำคุก 8 เดือน  ซึ่งเป็นคนละคดีกับที่ถูกจับกุมในปี 2536[4]

อ้างอิง[แก้ไข]