พูดคุย:พรรคประชาธิปัตย์

ไม่รองรับเนื้อหาของหน้าในภาษาอื่น
จาก วิกิคำคม

ขอคัดลอกบทความที่น่าสนใจมาให้อ่านเพื่อเป็นอุทธาหรณ์สำหรับผู้ที่อาจหลงไปร่วมทำธุรกรรมใด ๆ กับกลุ่มคนเหล่านี้

ในอดีตที่ผ่านมาก่อนรัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ ใช้บังคับนั้นจะมีลักษณะเป็นกลุ่มก๊วนการเมือง คือแต่ละกลุ่มจะมีสมาชิกอยู่ในกลุ่ม เมื่อชนะเลือกตั้งเข้ามาหัวหน้ากลุ่มก็จะรวบรวมรายชื่อสมาชิกในกลุ่มไปต่อรองตำแหน่งกับผู้จัดตั้งรัฐบาล ซึ่งส่วนมากจะเป็นเลขาธิการพรรค ในด้านการเงินนั้น หัวหน้ากลุ่มก็จะเป็นนายทุนของกลุ่ม และเลขาธิการก็จะเป็นนายทุนพรรค ดังนั้นเลขาธิการพรรคมักจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญที่มีงบประมาณจำนวนมาก เช่นคมนาคม เกษตร มหาดไทย เป็นต้น ส่วนหัวหน้ากลุ่มก็จะเป็นรัฐมนตรีกระทรวงที่เล็กลงมา (ในด้านงบประมาณ)

ในอดีตเงินที่หัวหน้ากลุ่ม หรือเลขาธิการพรรคเอามาจากไหนนั้น เท่าที่เห็นหัวหน้ากลุ่ม เลขาธิการ หัวหน้าพรรคมักจะเป็นเจ้าของทรัสต์หรือธนาคารบางแห่ง ยกตัวอย่างเช่น พลตรีชาติชาย เป็นเจ้าของเอราวัณทรัสต์ คุณพิชัย เป็นเจ้าของเอฟซีไอ คุณธารินทร์ เป็นผู้จัดการใหญ่เก่าธ.ไทยพาณิชย์ คุณสุวัฒน์เป็นเจ้าของบงล.แห่งหนึ่งใกล้สี่แยกอโศก แต่ถูกปิดไปแล้ว เป็นต้น วิธีการหาเงินลงเลือกตั้งให้ลูกน้องคือ เขาจะออกตั๋วเงินปลอมให้ลูกน้องเอาไปขายลด เพื่อเอาเงินไปซื้อเสียง เมื่อชนะการเลือกตั้งแล้วพยายามจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ และหาเงินมาใช้หนี้ ปัญหาก็คือว่าถ้าชนะการเลือกตั้งแต่ไม่ได้เป็นรัฐบาลละ หรือแพ้เลือกตั้งไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ละ จะหาเงินที่ไหนมาชำระหนี้ อันนี้เป็นปัญหาใหญ่ ถ้าเลือกตั้งแล้วได้เป็นรัฐบาลได้คงพอมีโอกาสหาเงินมาชำระหนี้ แต่หากเป็นฝ่ายค้าน ก็คงไม่มีเงินชำระหนี้ ไม่เชื่อลองศึกษาเรื่องเงินฝากของจุฬาฯ ที่เอามาฝากไว้ที่เอราวัณทรัสต์ดูซิครับ สมมุติว่าจุฬาฯฝากไว้ที่ทรัสต์ร้อยล้าน เขาก็ทำตั๋วให้จุฬาฯไปร้อยล้าน และทำตั๋วให้ลูกพรรคไปร้อยล้าน กล่าวคือตั๋วมีสองร้อยล้านแต่เงินฝากมีร้อยล้าน แจ้งในรายงานธปท.มีเงินฝากร้อยล้าน ปัญหาก็คือตั๋วเงินอีกร้อยล้านที่ออกให้ลูกพรรคไปขายลดทรัสต์อื่น หรือจำนำกับทรัสต์อื่น เวลาครบกำหนดแล้วเขามาขึ้นเงิน ถ้าทรัสต์ที่รับจำนำ หรือรับซื้อลดมาขึ้นเงินไป ก็จะทำให้เงินฝากร้อยล้านหายไปจากทรัสต์แต่ทรัสต์ยังคงมียอดเป็นลูกหนี้จุฬาฯร้อยล้านบวกดอกเบี้ยอยู่อีกครับ ทรัสต์หลาย ๆ ทรัสต์ที่มีนักการเมืองเป็นเจ้าของจึงพังทลายลงเพราะความไม่มีอยู่จริงของสินทรัพย์ครับ แล้วเขาก็นำเงินของประชาชนไปใช้แทนโดยกองทุนฟื้นฟูฯ ไงครับ น่าเศร้าใจไหมครับ

อีกวิธีหนึ่งที่นิยมทำกันก็คือ หัวหน้ากลุ่มไปรวบรวมที่ดินที่ไม่มีโฉนด แล้วไปขอออกโฉนด แล้วไปจำนองกับธนาคารหรือสถาบันการเงินในราคาสูงกว่าความเป็นจริงมาก อย่างเช่นที่เป็นข่าวอยู่มีการเพิกถอนโฉนดที่หนองคายของคุณสุชาติ เป็นต้น หรือเพิกถอนโฉนดที่ดินของคุณวัฒนา เป็นต้น ซึ่งสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ก็จะกลายเป็นเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันไปทันที

การกู้เงินธนาคารรัฐที่ทำให้ประชาชน ประเทศชาติเสียหายเป็นจำนวนมากครั้งหนึ่งก็คือกลุ่มหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ โดยคุณสนธิ กับพวก กู้ธนาคารกรุงไทยไปหลายพันล้านบาท แต่คุณสนธิ ล้มละลาย ธนาคารกรุงไทยจึงเสียหายไปหลายพันล้านบาท โดยธนาคารกรุงไทยนั้นถือหุ้นโดยรัฐบาลกว่าเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว รัฐเสียหายไปหลายพันล้านบาท แต่ลูกคุณสนธิรวยมาก น่าเศร้าใจจริง ๆ ครับ สำหรับประชาชนชาวไทย

เมื่อสองเดือนที่แล้วผมมีเจ้าหน้าที่ธนาคารชารีอะ กับเจ้าพนักงานที่ดินบางท่านเขาโทรมาปรึกษาผมว่า เขาไม่สบายใจกรณีที่ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปกู้เงินธนาคารชารีอะ เป็นจำนวนเงินกว่าร้อยล้านบาท โดยนำที่ดินที่เขาคิดว่าเป็นที่ดินสาธารณะ และเป็นราคาที่ดินที่มีการประเมินต่ำ มากู้เงินจากธนาคารชารีอะ ในมูลค่าจำนองสูงกว่าราคาที่ดินเป็นจำนวนมาก หากบริษัทไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้มีการบังคับจำนอง ก็จะบังคับได้ไม่คุ้มกับมูลค่าหลักประกัน ผมเคยทราบว่าธนาคารชารีอะ เป็นส่วนหนึ่งของธนาคารกรุงไทย จึงถามลูกน้องที่ทำงานธ.กรุงไทย ถึงธนาคารชารีอะ เขาตอบว่าปัจจุบันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของธนาคารกรุงไทยแล้ว ผมคิดว่าเป็นของเอกชน ผมจึงคิดว่าเมื่อเป็นธนาคารเอกชน ผมคงไม่เป็นเดือดเป็นร้อนด้วย แต่ผมพึ่งอ่านหนังสือพิมพ์พบว่า กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาเพิ่มทุนให้กับธนาคารชารีอะ เนื่องจากเป็นธนาคารของรัฐ และมีการขาดทุนอย่างมากมายมหาศาล ทำให้ผมรู้ความจริงว่าธนาคารชารีอะ นั้นถึงแม้จะแยกออกจากธนาคารกรุงไทยแล้วก็ยังเป็นธนาคารของรัฐ และรัฐกำลังเอาภาษีของประชาชนใส่เข้าไปอีกเพื่อแก้ปัญหาหนี้เสีย ผมเริ่มเศร้าอีกแล้ว และเมื่อบ่ายผมอ่านหนังสือพบว่า นายทุนใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ในรอบเดือนสองเดือนที่ผ่านมาคือบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ จำกัด บริจาคเดือนหลายเป็นสิบล้านบาท ผมคิดขึ้นมาทันทีครับ เงินบริจาคทั้งหมด เงินที่บริหารพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมดในขณะนี้ส่วนใหญ่น่าจะมาจากเงินที่บริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ จำกัด กู้มาจากธนาคารชารีอะ และถ้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้เป็นรัฐบาล ผมคิดว่าหนี้ก้อนนี้จะเป็นหนี้เสีย และรัฐบาลจะต้องรีดภาษีจากประชาชนไปเพิ่มทุนธนาคารชารีอะ อีกเรื่อย ๆ ครับ พรรคประชาธิปัตย์ชี้แจงได้น๊ะครับ ผมอยากให้พรรคประชาธิปัตย์ใสสะอาดจริง ๆ

โดย คุณ ฟ้าหม่น http://www.thaijustice.com/webboard.asp?sub=0&id=505345