วีระ ธีรภัทร
หน้าตา
วีระ ธีรภัทร เป็นนักจัดรายการวิทยุ นักเขียน คอลัมนิสต์ และเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ชาวไทย ผู้มีลีลาและเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง มีชื่อจริงว่า วีระ ธีระภัทรานนท์ เกิดเมื่อวันที่ 22 เมษายน ค.ศ. 1957 ที่อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ชีวิตครอบครัวสมรสแล้ว แต่ยังไม่มีบุตร ปัจจุบันมีบ้านพักอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี
คำคม
[แก้ไข]- แต่ผมอยากจะพูดอย่างนี้ ก็ต้องบอกว่าผมพูดด้วยเจตนาบริสุทธิ์นะ ไม่ได้ไปท้าทายไม่ได้ไปอะไร คือพอมาถึงขณะนี้แล้วเนี่ย เมื่อผมดูการบริหารจัดการของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นเรื่องภัยแล้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภัยฝุ่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภัยจากไวรัสโควิด-19 แล้วก็ภัยจากปัญหาเศรษฐกิจที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น คือผมคิดว่า ถ้าเราจะอยู่กันไปอย่างนี้ก็จะลำบากนะ คือ สิ่งที่รัฐบาลทำในช่วงที่ผ่านมา ก็ต้องยอมรับนะว่า มันไม่น่าพึงพอใจ มันไม่เข้าตาและบางครั้งมันก็อาจต้องมองเชื่อมโยงว่า ในแง่ความเป็นรัฐบาล มันจะบอกว่าไม่มีความต่อเนื่องจากรัฐบาลเมื่อ5 ปีที่แล้ว เข้าสู่ปีที่ 6 ในปีนี้ มันก็-เหมือนกับมองข้ามความเป็นจริงไปสักหน่อย คือ...ถ้าเกิดว่าเป็นไปได้ ผมคิดว่าเราต้องการความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ง่ายที่สุด แล้วก็สามารถทำได้ทันที ผมว่าคุณประยุทธ์อาจต้องพิจารณาถอนตัวออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี พูดง่ายๆ ก็คือว่า ลาออก! แต่พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่า จะไปกระเหี้ยนกระหือรืออะไรนะ เพียงแต่ผมพูดว่า ความรู้สึกของผู้คนตอนนี้มันย่ำแย่จริงๆ มันต้องการอะไรที่แตกต่างไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ แน่นอนล่ะครับว่าคนที่มาใหม่ อาจจะไม่เก่งเท่า ไม่ดีเท่า แล้วก็มือไม่สะอาดเท่าคุณประยุทธ์ รัฐบาลที่มานับเนื่องจากนี้ไปอาจจะไม่ดีเท่ากับรัฐบาลนี้ แต่ว่ามันเป็นความจำเป็นทางการเมือง ที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกกระฉับกระเฉง อย่างนี้มันก็อยู่กันไปแบบเซ็งๆ อยู่กันไปแบบไม่มีอนาคตน่ะ บางคนก็อาจจะบอกว่า โอ้! ไม่รู้จะเอาใครมาแทน ผมก็บอกว่า ก็ปล่อยให้คน 750 คนน่ะ เขาไปหา ก็มันมีระบบของมันอยู่แล้ว ไม่ต้องไปแก้รัฐธรรมนูญ ไม่ต้องไปทำอะไรหรอก เอามันอย่างนี้แหละ ถอดสลักไปตัวหนึ่ง หลังจากนั้นก็ไปเลือกกันใหม่ในสภาผู้แทนราษฎร ในรัฐสภา กฎหมายมีอยู่แล้ว ให้เลือกยังไงในกรรมวิธีหนึ่ง สอง สาม ก็เอาอย่างกรรมวิธีที่มีอยู่ตอนนี้[1]
- หาก “ลุงตู่” บริหารการเมืองแบบเดียวกับ “นักการเมือง”ที่ท่านเคย “ปฏิวัติ” สุดท้ายสังคมจะ “ปฏิวัติ” ท่าน เพราะเห็นแล้วว่า “เลวพอกัน” ซึ่งผมเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่านั่น ไม่ใช่สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ปรารถนา แต่ความที่ท่านเอาแต่ “ยืมจมูกคนอื่นหายใจ” ท่านเริ่มกลายเป็น “ผู้นำโง่”มากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นแค่ “หุ่นเชิด” ของใครต่อใคร มากกว่าจะเป็น “ผู้นำตัวจริง” ท่านจึงต้องกล้าหาญที่จะปฏิวัติคนรอบตัว ว่าถึงเวลาแล้ว ที่ต้องมอบฉันทานุมัติให้ท่านเป็น “ผู้นำตัวจริง” ไม่ได้เป็นแค่ “โทณพราหมณ์” ที่เป็นคนกลางแบ่งพระธาตุให้แก่ 101 เมือง ซึ่งก็คือการเป็นผู้ “รวบอำนาจ” ด้วยองคาพยพหลายหลาก เพื่อเอาอำนาจนั้นมาแบ่งให้แก่พรรคร่วมและพรรคพลังประชารัฐ เพื่อ “ค้ำยันโอกาส” ที่จะอยู่ใน “อำนาจ” ต่อไป[1]