ข้ามไปเนื้อหา

หนึ่งในทรวง

จาก วิกิคำคม

หนึ่งในทรวง เป็นบทประพันธ์ของ บุษยมาส ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์มาแล้วถึง 3 ครั้ง โดยครั้งแรก ในรูปแบบภาพยนตร์ ออกฉายในปี พ.ศ. 2506 สร้างโดย จินดาวรรณภาพยนตร์ กำกับโดย ศิริ ศิริจินดา นำแสดงโดย (ไชยา สุริยัน, เพชรา เชาวราษฎร์, อดุลย์ ดุลยรัตน์, สักรินทร์ ปุญญฤทธิ์, ดอกดิน กัญญามาลย์) เข้าฉายวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2506 ฉายที่โรงภาพยนตร์คาเธ่ย์

คำคม

[แก้ไข]
“ ถ้าคุณหญิงทำผิด คุณครูจะตีค่ะ แต่ไม่ใช่ในครั้งแรกที่ทำผิด ดิฉันจะบอกให้คุณหญิงรู้ว่าทำผิดยังไง และเด็กที่ดีจะไม่ทำผิดซ้ำ ๆ ถึงกับลงโทษด้วยการตีค่ะ ”
หทัยรัตน์ พูดกับ คุณหญิงกรกนก จรูญลักษณ์


“ ดิฉันรู้ดีค่ะ เพราะดิฉันก็กำพร้าทั้งพ่อและแม่ ท่านจากไปตั้งแต่ฉันอายุ 4 ขวบ แต่ถึงดิฉันจะกำพร้าแต่ก็ยังมีคนคอยรักและห่วงใยดิฉันมากมาย ทั้งคุณลุงคุณป้าและก็พี่ ๆ ดิฉันคิดว่าถ้าเราเป็นคนดี คงไม่มีใครมารังเกียจเราค่ะ ”
หทัยรัตน์ พูดกับ คุณหญิงกรกนก จรูญลักษณ์


“ ดิฉันคิดว่าเด็กทุกคนต้องเรียนหนังสือให้มาก ๆ ทั้งนั้นค่ะ ไม่ว่าจะพิการหรือไม่ก็ตามเพราะความรู้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนเท่า ๆ กันค่ะ ความพิการไม่ใช่อุปสรรคถ้าเราต้องการที่จะเรียนรู้ ถ้าเรามีความรู้ใครจะมาดูถูกเราไม่ได้ค่ะ และถ้ามีใครมาดูถูกเรา เราก็จะไม่อ่อนไหวไปกับคำพูดดูถูกนั้น ”
หทัยรัตน์ พูดกับ คุณหญิงกรกนก จรูญลักษณ์


“ ถ้าปุ้มเป็นเป็ด พวกพี่ก็จะเป็นเป็ดเหมือนกัน จะได้ว่ายน้ำไปด้วยกัน ปล่อยให้ยัยส่องเป็นหงษ์เหงาอยู่ตัวเดียวไม่มีใครคบ ”
สัทธา พูดกับ สุดาและหทัยรัตน์


“ ฉันไม่ได้รักหทัยรัตน์ที่หน้าตา สิ่งที่มีค่าของเค้าคือ ความน่ารัก สดใส และจิตใจอันงดงาม ที่แกพูดแบบนี้ เพราะแกยังไม่รู้จักเค้าดีพอ ”
พินิจ พูดกับ อนวัช


“ ฉันรู้ว่าแกไม่ชอบทำงานศิลปะมาตั้งแต่เด็ก บ่นว่าน่าเบื่อ และมักคิดว่าตัวเองไม่มีความละเอียดอ่อน แต่มันไม่ใช่เลย เวลาผ่านไปหลายปี แต่แกยังจำได้ว่าฉันชอบอะไร คนจิตใจกระด้างจะไม่ทำแบบนี้ ”
พินิจ พูดกับ อนวัช


“ จงมองหทัยรัตน์อย่างไม่มีอคติ แล้วแกจะได้เห็นตัวตนของเค้าในแบบที่ฉันเห็น ”
พินิจ พูดกับ อนวัช


“ ผมไม่ใช่คนที่ชอบอะไรที่เปลือกนอกครับ ถ้าผมจะหลงใหลผู้หญิงสักคน ผมจะต้องรักที่หัวใจ ไม่ใช่แค่ความสวยอย่างเดียว ”
อนวัช พูดกับ ส่องแสงและสีสุก


“ ส่องไม่อยากเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ ไม่อยากเอาทองไปถูกระเบื้องให้มันเสื่อมราคา ”
ส่องแสง พูดกับ สีสุก


“ ถึงฉันจะเป็นผู้หญิงที่ไม่มีสมบัติอะไร แต่สิ่งที่ดิฉันมีคือ ศักดิ์ศรี ”
หทัยรัตน์ พูดกับ คุณนายนวล


“ คุณทำทุกอย่าง พูดทุกอย่างเหมือนเป็นเรื่องง่าย ๆ เพราะคุณคือคุณหนึ่ง อนวัช ผู้ไม่เคยผิด ไม่เคยแพ้ ไม่มีใครกล้าทำอะไรคุณ แต่ชั้นไม่ใช่ ชั้นเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่จะต้องรับผลกระทบทั้งหมดเพียงผู้เดียว ”
หทัยรัตน์ พูดกับ อนวัช


“ ชั้นจะไปโกรธใครได้นอกจากตัวเองที่ทำตัวเป็นผู้หญิงเหลวไหล ”
หทัยรัตน์ พูดกับ พรรณี


“ ที่ผ่านมา ฉันพยายามทำตัวอยู่ในกรอบปฎิบัติอันดี แต่วันนี้..ทุกคนทำเหมือนฉันไม่มีชีวิต ไม่มีจิตใจ จะจูงไปไหน จะสั่งให้ทำอะไรก็ได้..โดยที่ไม่มีใครคิดถึงจิตใจฉันเลย แล้วสุดท้ายเมื่อทุกคนได้ในสิ่งที่ต้องการ ทุกคนพอใจ แต่คนที่ต้องเสียใจ คนที่โดนดูถูกก็คือฉัน..ฉันคนเดียวเท่านั้น ”
หทัยรัตน์ พูดกับ พรรณี


“ ถ้าไม่ยอมก็หน้าด้านเกินไปล่ะ คนเราจะทนอยู่กับคนที่แต่งงานกับเราเพราะความจำเป็นได้ยังไง คนเรามันต้องมีศักดิ์ศรีกันบ้าง จะทนอยู่ได้ยังไงในเมื่อผู้ชายไม่ได้รักตัวเองสักนิด ”
ส่องแสง พูดกับ ชุลี


“ ไม่ใช่แค่จำได้ แต่ไม่มีวันลืม แม่ของหนึ่งคือผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้พ่อ “หยุด” ... “หยุดสายตา” ไว้ที่ใบหน้าสวยหวาน มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ “หยุดหัวใจ” ไว้ที่ความน่ารัก ความดี ความอ่อนโยน แล้วก็ “หยุดการแสวงหา” พ่อไม่สนใจผู้หญิงคนอื่นอีกเลย ตั้งแต่ได้รู้จักแม่ของหนึ่ง ”
วิทย์ พูดกับ อนวัช


“ เมื่อเราคิดที่จะหยุดอยู่กับใครสักคน อยากใช้ชีวิตอยู่กับเค้า เราจะได้คำตอบเองว่า คนนี้คือคนที่เราอยากแต่งงานด้วย แล้วหนึ่งล่ะ คิดอยากจะ “หยุด” ขึ้นมาบ้างหรือยัง ”
วิทย์ พูดกับ อนวัช


“ ที่ผมทุกข์อยู่ตอนนี้อาจจะเป็นเพราะ ผิดหวัง ถ้าผมไม่ผิดหวังผมก็ไม่เป็นทุกข์ ”
ประสาทพร พูดกับ สุดา


“ ทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วพรุ่งนี้มันจะดีขึ้นเอง ”
หทัยรัตน์ เป็นคนพูด


“ ถึงฉันจะรักพี่หนึ่งมากแค่ไหน แต่ฉันก็รักตัวเองมากกว่าอยู่ดี ”
ส่องแสง พูดกับ ชุลี


“ โรคที่คุณอนวัชเป็นอยู่ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการดูแลจากคนที่รักกัน แค่นี้ก็ดียาทุกขนานแล้วครับ ”
หมอประสงค์ พูดกับ หทัยรัตน์