ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ไปยังการนำทาง
ไปยังการค้นหา
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นักการเมืองชาวไทย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ อดีตรองประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทไทยซัมมิท
หนังสือ[แก้ไข]
The Potrait[แก้ไข]
- เราคิดว่า วิธีการของเราคือต้องมีอำนาจและต่อรอง (กับ) ... นี่ต่างหากคือเป้าหมาย ถ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ เอาทหารออกจากการเมืองไม่ได้หรอก จัดการเรื่องนี้ไม่ได้ จัดการเรื่องศาลไม่ได้หรอก[1]
คำพูด[แก้ไข]
- เมื่อครั้งบริษัทของผมเกิดปัญหาก็ดำเนินการลดเงินเดือนผู้บริหารก่อนเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ไม่ใช่เริ่มจากลดเงินเดือนของพนักงาน ดังนั้น ในภาวะวิกฤติกำไรขาดทุนเป็นเรื่องรอง แต่สิ่งที่สำคัญ คือ กระแสเงินสด โดยต้องประมาณการณ์การเก็บเงินสดให้มากที่สุด เพื่อให้บริษัทมีเงินสดในการหมุนเวียนทางธุรกิจและสร้างเสถียรภาพในทางธุรกิจ เนื่องจากเวลาเกิดวิกฤติและงบดุลของบริษัทเริ่มติดลบ จะมีโอกาสน้อยที่สถาบันทางการเงินจะปล่อยเงินกู้ให้อีกครั้ง[2]
- นอกเหนือไปจากการจัดการเงินสดแล้วยังต้องมีการจัดการภายในองค์กรด้วยเพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เช่น การเพิ่มทักษะใหม่ๆให้กับพนักงานของบริษัท เนื่องจากเมื่อยอดขายลดลงแล้วย่อมเท่ากับว่าเวลาการทำงานย่อมลดลงตามไปด้วย จึงมีเวลาเหลือมากพอในการพัฒนาทักษะใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น เพราะเมื่อยอดขายกลับมาสูงขึ้น องค์กรก็จะมีประสิทธิภาพเพิ่มสำหรับการแข่งขันทันที[2]
- ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจในองค์กรของผมมีเครื่องจักรซีเอ็นซีหรือเครื่องกลึงไสกัดเจาะที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ แต่พนักงานที่อยู่หน้าเครื่องมีอายุเยอะแล้วและเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ไม่ได้ ปรากฏว่าผมเอาพนักงานกลุ่มนี้ไปพัฒนาทักษะเพื่อเขียนโปรแกรมควบคุมเครื่องจักรแทนการใช้คน ปรากฏว่าใช้เวลาสอนอยู่หนึ่งปีเขาก็สามารถทำได้ ทำให้เราได้พนักงานใหม่ขึ้นมาทันที ดังนั้น ในภาวะวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอทั้งการจัดการหลังบ้าน หรือ Back To Basic และการจัดการภายในเพื่อไปข้างหน้า
- การยกเลิกการผูกขาดเป็นเรื่องสำคัญมาก ประเทศที่พัฒนาแล้วย่อมมีกลุ่มทุนใหญ่ระดับประเทศและต้องพากลุ่มทุนเล็กขึ้นมาด้วย โดยกลุ่มทุนใหญ่จะต้องไปแข่งขันในระดับโลกไปพร้อมกันทั้งอุตสาหกรรม แต่ของไทยไม่ใช่อย่างนั้น เพราะเป็นการใช้อาศัยความใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจเพื่อสร้างกฎระเบียบบางประการ กลุ่มทุนใหญ่ในไทยไม่ได้เล่นบทบาทในระดับโลกที่ควรจะเล่น ไม่ใช่สะสมทุนในประเทศด้วยการผูกขาดและการใช้เครือข่ายอำนาจรัฐและเบียดเบียนผู้ประกอบการขนาดเล็กในประเทศ ดังนั้นรัฐบาลต้องเข้ามาแก้ไขตรงนี้เพื่อให้อุตสาหกรรมของประเทศเติบโตและเกิดการสร้างงานไปได้[2]
- นโยบาย 66/23 ในยุคพล.อ.เปรม ดึงคนกลับเข้ามาสู่ระบบการเมืองแบบรัฐสภา ทำให้ประเทศกลับสู่สันติภาพ นโยบายนี้ไม่ได้มองผู้ที่เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์เป็นศัตรู เป็นพวกชังชาติ แต่เป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย แต่สิ่งที่รัฐบาลประยุทธ์ทำ คือการผลักคนเห็นต่างออกไป[3]
- ต้องขออธิบายก่อนว่าพวกเราไม่ได้เป็นคนอยู่เบื้องหลังงานวิ่งในวันที่ 12 มกราคมที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่มันเกิดจากความโกรธของผู้คน พวกเขาเหล่านี้เริ่มต้นรวมตัวกันทางออนไลน์ เราคงต้องลองมาดูกันว่าจะมีคนออกมารวมตัวกันในอีเว้นท์นี้มากแค่ไหน[3]
- มีคนมากมายถามผมทั้งทางออนไลน์และตอนลงพื้นที่ ว่าเมื่อไหร่จะลงถนน เขาพูดกันว่าร่างกายต้องการปะทะแก๊สน้ำตา ผมบอกพวกเขาว่าให้ใจเย็นๆ เรายังไม่หมดหนทาง ขอให้พวกเราพรรคอนาคตใหม่ พยายามในวิถีรัฐสภาจนถึงที่สุดก่อน[3]
- หากสมมติว่าที่นี่เป็นสภา แล้วเราต้องตัดสินใจว่ามีงบประมาณก้อนหนึ่งประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท จะเอาไปทำอะไร 4 ตัวเลือก 1.เพิ่มเบี้ยเลี้ยงดูบุตรจากคนละ 600 บาทต่อเดือนสำหรับคนจน เป็น 700 บาทต่อเดือนแบบถ้วนหน้า ใช้งบ 1.7 หมื่นล้านบาท 2.นำไปพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็ก 10,000 โรงทั่วประเทศ โรงละ 2 ล้านบาท ใช้งบ 2 หมื่นล้านบาท 3.นำไปอุดหนุนค่าสัมปทานให้กับบริษัทโทรคมนาคมที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ 2 หมื่นล้านบาท หรือ 4.นำไปซื้อเรือดำน้ำ 3 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ทุกคนในห้องร่วมกันยกมือให้กับตัวเลือกที่ 1 และ 2 โดยไม่มีใครเลือกตัวเลือกที่ 3 และ 4 เลยแม้แต่คนเดียว[4]
- หากนี่เป็นสภาจริงๆ เราคงจะได้นำงบประมาณไปพัฒนาสิ่งเหล่านี้ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าในความเป็นจริงของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ผ่านมา ได้มีการใช้ ม.44 ไปลดค่าสัมปทานให้กับทุนคมนาคมไปแล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท และซื้อเรือดำน้ำไปแล้ว 3 หมื่นล้านบาท นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของอำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ความจนหรือรวยในประเทศนี้ไม่ใช่เรื่องของบุญทำกรรมแต่ง เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ยังยากจนเป็นเพราะพวกเขาไม่มีอำนาจ สิ่งที่เรามานั่งพูดกันวันนี้ รัฐธรรมนูญ 2560 ก็คือเรื่องของอำนาจ[4]
- นี่คือเรื่องอำนาจที่จะเอางบจากภาษีประชาชนกว่า 3 ล้านล้านบาท จะเอาไปใช้เพื่อใคร ถามว่าทำไมในข้อเท็จจริงมันกลับถูกนำไปใช้ในสิ่งที่คนทั้งห้องนี้ไม่ได้เลือกเลย คำตอบเพราะอำนาจไม่ได้อยู่ที่ประชาชน และรัฐธรรมนูญ 60 คือรัฐธรรมนูญที่บอกว่า อำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งสูงส่งกว่าอำนาจที่มาจากการเลือกตั้ง นี่คือรัฐธรรมนูญที่ไม่มีอำนาจของประชาชนอยู่ในนั้น ที่มาของอำนาจมาจากไหน อำนาจต้องรับใช้คนกลุ่มนั้น คนที่มีอำนาจในปัจจุบันก็คือกลุ่มคนเดียวกันกับที่รัฐประหารปี 2557 มาจากระบบราชการ กลุ่มทุน ปืนและรถถัง ไม่มีประชาชนเป็นที่มาของอำนาจ พวกเขาจึงออกแบบงบประมาณออกมาแบบนี้ ไปอุ้มกลุ่มทุน ไปหล่อเลี้ยงระบบราชการที่ใหญ่เทอะทะ[4]
- ดังนั้นถ้าเราอยากเห็นสังคมไทยเดินไปข้างหน้า โดยที่ดอกผลของการพัฒนาได้รับการแจกจ่ายอย่างถ้วนหน้า ถ้าเราอยากเห็นสังคมไทยอยู่ในโลกาภิวัตน์ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ถ้าเราอยากเห็นงบประมาณถูกนำไปใช้เพื่อประชาชน ถ้าเราอยากเห็นสิ่งเหล่านี้ เราต้องแก้รัฐธรรมนูญ ผมว่านี่คือโจทย์ใหญ่ว่าตกลงอำนาจในประเทศนี้เป็นของใคร อำนาจในการจัดสรรงบประมาณ 3.2 ล้านล้าน ใครควรจะได้เป็นคนจัดสรร[4]
- นี่คือเวลาที่เราต้องคิดอย่างทะเยอทะยานเพื่อคนรุ่นต่อไป เพื่อให้ปัญหานี้จบในคนรุ่นเรา ว่าอำนาจในการจัดสรรทรัพยากรในประเทศนี้ควรอยู่ที่ประชาชน และเพื่อจะแก้ปัญหานี้ เราต้องทำให้ประเทศนี้เป็นประชาธิปไตย, ยุติระบบราชการรวมศูนย์ที่ส่วนกลาง, การลดบทบาทของกองทัพ มีการแต่การทำ 3 อย่างนี้เท่านั้น ประเทศไทยถึงจะเดินไปข้างหน้าได้ และจะทำอย่างนี้ได้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าก้าวแรกก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ[4]
- เชิญชวนให้ประชาชนทั่วไปร่วมสมัครสมาชิกพรรค ว่าคนไทยกำลังมาถึงทางเลือกสำคัญ จะเลือกอยู่กับความกลัวกับอำนาจเผด็จการต่อไป ยอมให้เขาขีดเส้น พาเราเดินไปในทิศทางที่เขากำหนดฝ่ายเดียวอีกอย่างน้อย 20 ปี หรือจะเลือกให้เรา ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจสูงสุดในการบริหารประเทศกำหนดเอง นี่คือวัฒนธรรมการเมืองแบบใหม่ที่จะล้างระบบอุปถัมภ์ในสังคมไทย ค่าสมาชิก 100 บาทต่อปี หรือ 2,000 บาทตลอดชีพ ค่าสมาชิก 100 บาทคือการจ้างผมและทีมงานอนาคตใหม่ เอาประชาธิปไตยกลับคืนมา ไม่ใช่แค่คุณหรือผม ประเทศไทยต้องการเรา อนาคตใหม่ต้องการคุณ[5]
สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์[แก้ไข]
- ผมทราบข่าวจ่านิว ผมรู้สึกทั้งผิดหวัง คับแค้น และเศร้าใจอย่างมาก ทั้งๆ ที่รัฐบาลประกาศตัวว่าเรากำลังเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่เรามีสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง แต่บ้านเมืองกลับไร้ขื่อแป นักกิจกรรมธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่เคยทำอะไรมากไปกว่าการเรียกร้องประชาธิปไตยและการขอให้ดำเนินการตรวจสอบผู้มีอำนาจ ถูกดักทำร้ายปางตายท่ามกลางสายตาประชาชน “โดยไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดได้” ผมไม่รู้จักจ่านิวเป็นการส่วนตัว ไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน เจอกันบ้างตามงานแสดงพลังของประชาชนเท่านั้น แต่ก็ยังห่างไกลจากคำว่าเพื่อน เป็นได้อย่างมากที่สุดคือเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์เท่านั้น แต่ที่ผมเดือดแค้น ไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ส่วนตัว ไม่ใช่เพราะเป็นจ่านิว แต่เพราะประเทศนี้เกิดกรณีแบบนี้ซ้ำซาก โดยไม่มีใครต้องรับผิดชอบอะไรตั้งแต่คุณเอกชัย หงส์กังวาน ที่โดนทำร้ายเกือบ 10 ครั้ง โดยจับใครไม่ได้แม้แต่คนเดียว แล้วยังจ่านิว ที่โดนทำร้ายสองครั้งซ้อนในเวลาห่างกันไม่ถึงเดือน ไม่ใช่แค่หาตัวผู้กระทำผิดไม่ได้ แต่สังคมส่วนใหญ่ยังไม่สนใจข่าวนี้มากนัก เหมือนกับว่าการทำร้ายคนคนหนึ่งเพียงเพราะเขากล้าท้าชนกับผู้มีอำนาจ – กลายเป็นเรื่องปกติที่เราควรกุมมือก้มหัวจะทำใจยอมรับ รู้ไว้พร้อมกัน ณ ที่นี้เลยว่า “ผมคนหนึ่งที่ไม่ยอม” ผมและพรรคอนาคตใหม่คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าพูดเรื่องนี้ในสภาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรียกร้องให้กระบวนการยุติธรรมทำงานตามชื่อของมัน เพื่อให้ความเป็นธรรมกับจ่านิว เพื่อให้รัฐบาลทำหน้าที่ป้องสิทธิเสรีภาพ ไม่ใช่คุกคามประชาชนของตัวเอง ผมขอให้จ่านิวหายเร็วๆ ได้กลับไปเรียนต่อที่อินเดีย เดินตามความฝันของตัวเองตามที่ได้ตั้งใจไว้ และเมื่อกระบวนการยุติธรรมปกติพิสูจน์แล้วว่าล้มเหลวซ้ำซาก ไม่สามารถนำตัวผู้คุกคามนักเคลื่อนไหวฝ่ายประชาธิปไตยมาลงโทษได้เลย ผมขอเรียกร้องให้พวกเราประชาชนช่วยกันหาหลักฐานเอาผิดผู้รุมทำร้ายจ่านิว รวมถึงคดีอื่นๆ ก่อนหน้านี้ที่มีลักษณะเดียวกัน ใครมีเบาะแส แต่ไม่สะดวกดำเนินการด้วยตัวเอง ช่วยกันแจ้งมาที่พรรคอนาคตใหม่ครับ – พรรคฯ จะดำเนินการให้ถึงที่สุด นอกจากนี้ ผมจะไปร่วมงานดนตรีประชาธิปไตย 24 มิถุนา วันอะไร? ของจ่านิวที่จะจัดขึ้นในเย็นวันพรุ่งนี้ : 29 มิถุนายน ณ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ราชดำเนิน เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพวกเรา “ประชาชนผู้ตกอยู่ในยุคทมิฬมาร”[6]
พรรคกล้า[แก้ไข]
- ถ้าพรรคกล้าต้องการปฏิรูปกองทัพ แก้ไขรัฐธรรมนูญ ลดความเหลือมล้ำ สร้างสวัสดิการให้ประชาชน ลดทุนผูกขาด ต้องการลบผลผวงการรัฐประหาร ถ้ามีอุดมการณ์ในทิศทางนี้ เราก็พร้อมจะร่วมมือ[7]
การยุบพรรคอนาคตใหม่[แก้ไข]
- ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ขณะที่การอภิปรายจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เมื่อไม่นานมานี้ วุฒิสภาได้ผ่านรายชื่อ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่แล้ว และรายชื่อเหล่านี้อยู่ระหว่างรอขึ้นทูลเกล้าฯ และคำถามคือเหตุใดจึงไม่ยอมนำขึ้นทูลเกล้าฯ เสียที หรือต้องการให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบัน ตัดสินคดีในวันที่ 21 กุมภาพันธ์เสียก่อน หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยืนยันว่า พวกเราหนักแน่นและมั่นคง ไม่ว่าจะยุบหรือไม่ยุบพรรค เราอภิปรายต่อแน่นอน ส่วนเรื่องที่ กก.บห. ที่จะอภิปราย และอาจจะถูกตัดสิทธิ์ไม่สามารถอภิปรายได้หลังคำตัดสินนั้น เราก็จะออกมาอภิปรายนอกสภาแทน[8]
- เราเคยฟ้องกกต.ไปแล้ว และมาตรการต่อไปน่าจะเห็นชัดเจนขึ้นในสัปดาห์หน้า ซึ่งในวันนี้สมาชิกพรรคอนาคตใหม่ได้เดินทางไปฟ้องพรรคพลังประชารัฐในการจัดมหรสพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการดำเนินการทางกฎหมายจะมีต่อในสัปดาห์หน้าอีก[8]
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรตามรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร[แก้ไข]
2019[แก้ไข]
- ท่านประธานครับ ผม ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รับทราบคำสั่งและขอหยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่บัดนี้จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญเป็นอื่นครับ ขอบคุณครับ
- รายงานการประชุม ครั้งที่ 1 วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม 2019 เวลา 09.40 - 19.07น. 25 พฤษภาคม 2019
- ท่านประธานครับ วันนี้ท่านประธานได้ดำเนินหน้าที่บกพร่องสักนิดนะครับ ทั้ง ๆ ที่เรามี ค าสั่งศาลแล้ว ท่านก็ได้อนุญาตให้คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้อภิปราย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ ขัดต่อคำสั่งศาล การอภิปรายใด ๆ ก็ตาม มันถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร
- วีระกร คำประกอบ กล่าวถึง เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2019
คำคมเกี่ยวกับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ[แก้ไข]
วรงค์ เดชกิจวิกรม[แก้ไข]
- อยู่ไม่เป็น#ไม่ต้องอยู่ อยู่ๆก็มีคนมาบอกว่า บ้านนี้เมืองนี้"อยู่ไม่เป็น" ง่ายๆครับ อยู่ไม่เป็น ไม่ต้องอยู่ ดูต่อไป อยู่ไม่เป็น ไม่ต้องอยู่ [9]
ทิพานัน ศิริชนะ[แก้ไข]
- ตามกระบวนการยุติธรรมนี้ นายธนาธรมีสิทธิเต็มที่ที่จะให้การ นำสืบพยานหลักฐาน ให้ถ้อยคำเพื่อพิสูจน์ในปัญหาข้อเท็จจริงต่างๆ ซึ่งเป็นขั้นตอนตามปกติในกระบวนการยุติธรรม หากจะมีปุถุชน ประชาชน ทั่วๆ ไป คิดว่านายธนาธรโดนแน่ เพราะเขาสงสัยว่านายธนาธรอาจจะทำผิดจริง สงสัยว่าอาจจะไม่ได้โอนหุ้นในวันที่ 8 ม.ค. 62 จริง เหตุที่เขาสงสัยแบบนี้อาจเพราะเมื่อนายธนาธรมีโอกาสให้ความจริงต่อศาลและสาธารณชน นายธนาธรกลับตอบคำถามโดยไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่ชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้ประชาชนหายสงสัยได้ ไม่ใช้โอกาสในนัดไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญให้ข้อมูลต่างๆ กลับไปให้การตอบคำถามในหลายประเด็นเพียงว่า “จำไม่ได้” ทั้งๆ ที่ศาลได้ให้เวลาเตรียมตัวและนายธนาธรเองเป็นผู้เรียกร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญทำการไต่สวนมาโดยตลอด[10]
- เมื่อตัวนายธนาธรเอง คนที่รู้ความจริงอยู่กับใจตนเอง ยัง “จำไม่ได้” ในหลายประเด็นสำคัญ สามัญสำนึกของปุถุชนที่เฝ้าดูการไต่สวนสืบพยานแล้วอาจเห็นว่า “มีความคลุมเครือในการตอบข้อซักถาม ไม่แสดงความชัดเจนว่าตนเองไม่ผิดเพราะอะไร ในขณะที่มีโอกาสได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน[10]
- นอกจากนี้อยากถามเจตนาที่แท้จริงในการตั้งคำถามของนายปิยบุตรเพราะประชาชนไม่แน่ใจว่านายปิยบุตรต้องการคำตอบหรือต้องการสร้างกระแสต่อสังคมว่า ความผิดต่างๆ ของนายธนาธรและนายปิยบุตรเกิดจากผู้มีอำนาจมองว่านายธนาธรและนายปิยบุตรเป็นอันตราย หากนายปิยบุตรมีเจตนาเพียงสร้างกระแสก็ขอให้เลิกทำเสียเพราะอยากให้ทำความเข้าใจว่าไม่มีใครในสังคมนี้ต้องการให้ทั้งนายธนาธรและนายปิยบุตรกระทำความผิดใดๆ และไม่มีใครหรือผู้มีอำนาจคนใดมองว่านักการเมืองที่เลื่อมใสและกระทำการต่างๆ ตามวิถีครรลองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเป็นอันตรายต่อเขา หากใครจะถูกกระบวนการยุติธรรมตัดสินว่ามีความผิด ก็เป็นเพราะเขาไม่สามารถนำพยานหลักฐานต่างๆ มายืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองได้[10]
เสรี วงษ์มณฑา[แก้ไข]
- ใครหนอสร้างขวากหนามเหล่านี้ขึ้นมา ที่ต้องสู้กับขวากหนามเหล่านี้ ใครเล่าทำให้เกิดขวากหนามเหล่านี้ ชี้นิ้วไปที่คนอื่น แล้วเคยวิเคราะห์พฤติกรรมของตนเองบ้างหรือเปล่า จะเอาแต่โทษตัวเองเลย ตักน้ำใส่กระโหลกชะโงกมองตัวเองบ้างนะตี๋[11]
จตุพร พรหมพันธุ์[แก้ไข]
- พ้นสภาพจาก ส.ส.แน่ๆ แต่จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองกี่ปีนั้น อยู่ที่การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แม้ในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ยังไม่มีเรื่องเกี่ยวข้องกับการยุบพรรค แต่หลังจากนั้นก็คงไม่รอด เรื่องแบบนี้เมื่อโดนครั้งหนึ่งก็มักจะตามมาเป็นรวงผึ้ง[12]
ธัชญา จวงสันทัด[แก้ไข]
- ถ้าพ่อของฟ้าได้เป็นนายก บ้านเมืองอาจเละกว่าลุงตู่อีก เชื่อเหอะ พี่เจอประสบการณ์อันเจ็บปวดมาแล้ว[12]
ฉัตรชัย แก้วคำปอด[แก้ไข]
- การเดินทางของพรรคอนาคตใหม่" รถโดยสารคันนี้ชื่ออนาคตใหม่ รับ-ส่งผู้คนไปโรงเรียนประชาธิปไตย แม้การเดินทางจะสามารถไปได้หลายทางอย่างไม่ลำบาก แต่หลายคนก็พร้อมใจและยินดีที่จะร่วมเดินทางไปกับรถโดยสารคันนี้ ถึงแม้จะเป็นรถคันเล็กๆ พื้นที่นั่งไม่เพียงพอ แม้กระทั่งการเดินทางมีความเสี่ยงต่อชีวิตและร่างกายก็ตาม บางคนได้ที่นั่งสบาย บ้างได้นั่งครึ่งก้น บางคนได้ยืนอย่างสบาย บ้างได้ยืนเพียงขาเดียว แต่ก็ไม่มีใครปริปากว่าลำบากในการเดินทาง หรือเรียกร้องที่นั่งดีๆ คนขับรถโดยสารคันนี้ชื่อธนาธร แม้เป็นมือใหม่หัดขับ แต่ก็ขับรถเป็น เพราะเคยขับรถเบนซ์มาก่อน ต่างกันที่รถเบนซ์เป็นเกียร์อัตโนมัติขับง่าย แต่รถโดยสารเป็นเกียร์กระปุก การเดินรถต้องค่อยๆ ไปทีละเกียร์ ตั้งแต่เกียร์ 1 ถึง 5 สลับไปมา ผู้โดยสารทุกคนก็ทราบดีว่าคนขับรถโดยสารคันนี้เป็นมือใหม่ แต่ก็เต็มใจที่จะร่วมเดินทาง เพราะมั่นใจว่าคนขับรถคันนี้รู้เส้นทางที่จะนำพวกเขาเหล่านี้ไปถึงโรงเรียนประชาธิปไตยที่เขาใฝ่ฝันได้และแล้วคนขับรถโดยสารก็ทำสำเร็จ สามารถนำผู้โดยสารทุกคนไปถึงโรงเรียนประชาธิปไตยได้อย่างปลอดภัยทุกคน แต่ปัญหาอยู่ที่ขากลับ คนขับรถอาจลำพองว่ารู้เส้นทางที่จะมาถึงจุดหมายได้แล้ว ก็เลยเผลอดื่มเหล้าระหว่างการขับรถโดยสารระหว่างขากลับ ทำให้มึนเมาหรืออาจเรียกได้ว่าเมาอำนาจตัวเองก็ได้ เมื่อเมาแล้วขับ ทำให้การครองสติในการขับรถไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งส่งผลให้มองเห็นภาพไม่ชัดเจน อาจมองเห็นแค่บางคน และภาพบางคนขาดหายไป บางครั้งขับรถส่ายไปส่ายมา ไม่เหมือนตอนขาไปที่ขับ พอถึงครึ่งทางมีผู้โดยสารบางคนที่ยืนเกาะท้ายรถตกรถโดยสารคันดังกล่าว มีผู้โดยสารในรถกดกริ่งเพื่อแจ้งเตือนให้คนขับจอดรถเพื่อจะดูอาการคนที่ตกรถ แต่ด้วยการครองสติไม่ได้ของคนขับ ทำให้ไม่สนใจ แล้วยังขับรถโดยสารต่อไป ทั้งที่ความจริง หากคนขับรถมีสติอยู่บ้าง หรือไม่เมามายอะไร เขาจะต้องหยุดรถ แล้วไปดูผู้โดยสารที่บาดเจ็บ สอบถามเขาว่าเขาเจ็บตรงไหนอะไรบ้าง แล้วพยุงเขาขึ้นรถ แล้วพาไปรักษาในที่เหมาะสม เมื่อผู้โดยสารคนที่บาดเจ็บหายดี เชื่อว่าเขาก็ยังจะเดินทางไปต่อกับรถโดยสารคันนี้และไว้ใจคนขับคนนี้เช่นเดิม แต่เมื่อคนขับรถโดยสารไม่สนใจไยดีว่าผู้โดยสารจะเป็นเช่นไรก็ตามข้าไม่สนใจ เพราะคนส่วนใหญ่ยังขึ้นรถเต็มคันอยู่เหมือนเดิมแล้วนั้น ต่อไปผู้โดยสารในรถคันดังกล่าวจะเห็นพฤติกรรมของคนขับคันนี้ และอาจไม่เดินทางไปต่อก็ได้ แต่ก็หวังลึกๆ ว่าคนขับรถคันนี้จะครองสติแล้วทบทวนตัวเองอีกครั้ง[12]
เตชะ ทับทอง[แก้ไข]
- และแล้ว “เหีย” ก็ชู “3นิ้ว” ปฏิบัติการ IO ครบไม่เขอะเขิน ภาพชัดพฤติกรรมใช่ใจก็มี เหลือเพียงเรื่องตอแหลที่ยังต้องแสดงต่อให้จบ เอาใจ”ฟ้า” ราว”ผีห่าโปรดซาตาน”[13]
อ้างอิง[แก้ไข]
- ↑ อำนาจตุลาการ ศาลฯในทัศนะ ธนาธร และปิยบุตร / โดย ดร.เวทิน ชาติกุล
- ↑ 2.0 2.1 2.2 ‘ทอน’โชว์กึ๋นแก้เศรษฐกิจยกก้นตัวเองหั่นเงินเดือนช่วงวิกฤตแทนที่ลดเงินพนักงาน!
- ↑ 3.0 3.1 3.2 ธนาธร โต้อยู่เบื้องหลัง “วิ่งไล่ลุง” ยันใช้วิถีรัฐสภาถึงที่สุด ‘อานันท์’ โผล่ฟังบรรยาย
- ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 'ทอน'ต้องทะเยอทะยาน
- ↑ 'อนาคตใหม่' ขอคนละ 100 บาทจ้าง 'ธนาธร' ทวงคืนประชาธิปไตย
- ↑ ธนาธรลั่น ‘ผมคนหนึ่งที่ไม่ยอม’ ประกาศไปร่วมงานดนตรี ปชต.ที่ ‘จ่านิว’ ตั้งใจจัด! พรุ่งนี้
- ↑ เปิดเงื่อนไข 'ธนาธร' ถ้า 'พรรคกล้า' จะจับมือทางการเมือง 'อนาคตใหม่'
- ↑ 8.0 8.1 'ธนาธร' ไม่กลัว พรรคถูกยุบ ลั่น กก.บห.อนาคตใหม่ พร้อมเกาะรั้วซักฟอกนอกสภา
- ↑ สั้นๆง่ายๆ 'วรงค์' แนะ 'ทอน' อยู่ไม่เป็นก็ไม่ต้องอยู่
- ↑ 10.0 10.1 10.2 'อ้น'ตอกกลับ'ปิยบุตร'เลิกปั่นกระแสผู้มีอำนาจกลั่นแกล้ง ย้อน'ทอน'มีโอกาสชี้แจงต่อศาลรธน. แต่กลับจำไม่ได้
- ↑ ไม่เคยโทษตัวเอง! 'ดร.เสรี' ยก 16 ขวากหนามทิ่ม 'ธนาธร'
- ↑ 12.0 12.1 12.2 ตู่ฟันธงทอนหมดอนาคต
- ↑ เตชะ ทับทอง ด่าแรงธนาธรชู 3 นิ้ว เป็นปฏิบัติการไอโอ ซัดตอแหลเอาใจฟ้า !!